ราชินี เสด็จฯ แทนพระองค์ ไปทอดพระเนตรการฝึกทางทหาร "ราชวัลลภเริงระบำ" 2567

วันนี้ (31 มกราคม 2568) เวลา 08.16 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี  “ราชวัลลภเริงระบำ” และกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2567 ณ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร  อำเภอเมืองสระบุรี  จังหวัดสระบุรี 

เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินถึงศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลเชิญเสด็จขึ้นแท่นรับการถวายความเคารพ จากกองทหารเกียรติยศ โดยกองบิน 4 ซึ่งเป็นหน่วยที่ชนะเลิศการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2567

จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, ทรงวางพานพุ่มดอกไม้, ทรงวางพวงมาลัย แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งพลตรี วิบูลย์พงศ์ อินทะพงษ์ อดีตผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า ร่วมกับ ภาครัฐ และเอกชน ชาวจังหวัดสระบุรี จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2559 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และรำลึกถึงพระมหาวีรกรรมของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตลอดจน เป็นที่สักการะบูชาของกำลังพล, ครอบครัว และประชาชนทั่วไป โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เมื่อปี 2560 และมีกำหนดให้จัดพิธีบวงสรวงสักการะ ในวันที่ 4 มกราคม และ 28 ธันวาคมของทุกปี
   

ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพลับพลาที่ประทับ ทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี  “ราชวัลลภเริงระบำ” (Hop to the bodies slams) ของกองทัพไทย ซึ่งผู้แสดงจากหน่วยที่ได้รับการคัดเลือกและจัดการแสดงสาธิตการฝึกของกองทัพไทย จำนวน 3 กรม ประกอบด้วย กรมทหารราบที่ 153 กองพลทหารราบที่ 15, กรมทหารราบที่ 9 กองพลทหารราบที่ 9 และกรมทหารต่อสู้อากาศยาน หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน
   

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  พระราชทานพระบรมราโชบายให้นำคู่มือฝึกพระราชทานการฝึกทางทหารประกอบดนตรี ราชวัลลภเริงระบำ พุทธศักราช 2559 และแบบฝึกทางทหารประกอบดนตรี ราชวัลลภเริงระบำ หรือ Hop to the bodies slams ให้กับกองทัพไทย เพื่อนำไปขยายผลทำการฝึกให้กับหน่วยทหารในกองทัพไทย โดยกองทัพไทย ได้น้อมนำพระบรมราโชบาย ไปขยายผลการฝึกยังหน่วยทหารของกองทัพไทยถึงระดับกองพัน เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกได้แสดงออกถึงความเข้มแข็ง อดทน พร้อมเพรียง มีวินัย มีขีดความสามารถในการใช้อาวุธของกำลังพลกองทัพไทย รวมทั้ง เป็นการออกกำลังในลักษณะการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง เป็นการยืดหยุ่นร่างกาย และเป็นการสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเมื่อมีการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ และสร้างความผ่อนคลาย มีลักษณะการปฏิบัติท่าฝึกทางทหาร ประกอบเข้ากับจังหวะของดนตรี  โดยการฝึกจะเป็นการฝึกร่วมกันระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาทุกชั้นยศ ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นศรัทธา ความรัก ความสามัคคีในหมู่ทหาร ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  
   

โดยมีขอบเขตการฝึก ประกอบด้วย บทที่ 1 บุคคลท่าอาวุธและการปฏิบัติหน้าที่ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ประจำวัน ตลอดจน หน้าที่ทหารมหาดเล็กฯ ในพระราชพิธี, บทที่ 2 กายบริหารประกอบอาวุธ และพัฒนาเสริมสร้างทักษะและความแข็งแกร่งของร่างกาย และความแข็งแรงว่องไว โดยปฏิบัติพร้อมกับอาวุธประจำกาย เพื่อให้คนกับอาวุธเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน, บทที่ 3 พัฒนาและประยุกต์จากบทที่ 2 คือ ทำการใช้อาวุธฉับพลัน ไม่ว่าจะเป็นการยิงจากท่าต่าง ๆ และการใช้อาวุธประจำกายในการต่อสู้ทำลายข้าศึกในระยะประชิด  และการป้องกันตัว
   

กองทัพไทย ได้จัดการแข่งขันการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี  “ราชวัลลภเริงระบำ” ระดับกรม ระหว่างวันที่ 19 ถึง 25 กรกฎาคม 2567 มีหน่วยทหาร เข้าร่วมแข่งขันฯ จำนวน 20 หน่วย แบ่งเป็น ทหารบก 16 หน่วย, ทหารเรือ 2 หน่วย และทหารอากาศ 2 หน่วย ส่วนการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 ถึง 9 สิงหาคม 2567 มีกองทหารเกียรติยศ จำนวน 8 กหน่วย แบ่งเป็นทหารบก 4 หน่วย ทหารเรือ 2 หน่วย และทหารอากาศ 3 หน่วย เข้าร่วมแข่งขันฯ
   

ในการนี้ พระราชทานรางวัลแก่หน่วยที่ชนะการแข่งขันการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี  “ราชวัลลภเริงระบำ” ระดับกรม ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ กรมทหารราบที่ 153 กองพลทหารราบที่ 15, รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ กรมทหารราบที่ 9 กองพลทหารราบที่ 9 และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ กรมทหารต่อสู้อากาศยาน หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน 
   

และพระราชทานรางวัลแก่กองทหารเกียรติยศที่ชนะการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ คือ กองบิน 4 และรางวัลรองชนะเลิศ คือ กองบิน 46
   

โอกาสนี้ มีพระราชดำรัสใจความสำคัญเกี่ยวกับประโยชน์ของการฝึกทางทหารประกอบดนตรี ที่นอกจากจะทำให้มีระเบียบวินัยแล้ว ยังทำให้ร่างกายและจิตใจมีความเข้มแข็ง
     

ต่อจากนั้น เวลา 10.05 นาฬิกา  เสด็จพระราชดำเนินไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ศูนย์การทหารม้า ในการนี้ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลเชิญเสด็จขึ้นแท่นรับการถวายความเคารพ จากกองทหารเกียรติยศ โดยกองบิน 46 ซึ่งเป็นหน่วยที่ได้รับพระราชทานรางวัลรองชนะเลิศการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2567 ก่อนประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร.