AVEVA ชู AI อุตสาหกรรม หนุนผู้ผลิตไทยตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG

AVEVA ผู้ผลิตซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมได้เผยแนวทางเชิงกลยุทธ์เพื่อยกระดับภาค อุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยให้สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG
Thomas Phang ผู้บริหารฝ่ายการตลาดแห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ของ AVEVA ชี้ให้เห็นว่าการ ปรับปรุงการผลิตให้ทันสมัยและยั่งยืนจะต้องอาศัยเทคโนโลยีสะอาดที่มีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานและความคาดหวังของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อสินค้าที่ยั่งยืน
โดยนำเสนอแพลตฟอร์ม AVEVA CONNECT และโซลูชันต่างๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อุตสาหกรรม (Industrial AI) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการทลาย ไซโลข้อมูล ช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกัน การสื่อสาร และการแบ่งปันข้อมูลระหว่างแผนก ทีม หรือกลุ่มต่างๆ ภายในองค์กร และเสริมความแข็งแกร่งด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจและความยั่งยืน
พร้อมยกตัวอย่างความสำเร็จจาก SCG Chemicals และ B.Grimm Power ในประเทศไทย และ Schneider Electric’s Smart Factory ในประเทศอินโดนีเซีย ที่ตอกย้ำว่า การลงทุนดิจิทัลตามแนวทาง BCG สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สูงควบคู่ไปกับผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรม
โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ของประเทศไทย ถือเป็นกรอบการทำงานที่มองไปข้างหน้าเพื่อการเติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืน โมเดลนี้มุ่งเน้นไปที่ อุตสาหกรรมหลัก 4 ประเภท ได้แก่
1.อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร
2.อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ
3.อุตสาหกรรมพลังงานชีวภาพ ชีววัสดุ และชีวเคมี
4.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 21% ของ GDP ณ ปี 2566 และมีเป้าหมายที่จะบรรลุ 24% ในอีก 5ปีข้างหน้า ด้วยการผสานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้
กรอบการทำงาน BCG สนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยได้โดยตรง ด้วย การส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ มุ่งเพิ่มการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และนำนวัตกรรมมาเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยตลอดห่วงโซ่คุณค่า
AVEVA จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่อุตสาหกรรมอาหารและการผลิต ไปจนถึงพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และทางทะเล เพื่อมอบข้อมูลเชิงอุตสาหกรรมที่ชาญฉลาดและรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านการเข้าถึงข้อมูลอุตสาหกรรมที่เชื่อถือได้แบบเรียลไทม์ ด้วย AVEVA CONNECT ซึ่งเป็นแฟลฟอร์ม การจัดการระบบข้อมูลเชิงอุตสาหกรรมแบบเปิด นำเสนอบริบทของข้อมูลจากทุกช่วงวงจรชีวิตของอุตสาหกรรม
ตั้งแต่การออกแบบ การดำเนินงาน และการปรับปรุงประสิทธิภาพ CONNECT รวบรวมข้อมูลและผสานรวม ข้อมูลเชิงลึกที่เสริมประสิทธิภาพด้วย AI ที่ชาญฉลาด พลิกโฉมการดำเนินงานของอุตสาหกรรมต่างๆ
ด้วยการกระชับความร่วมมือระหว่างผู้มีอำนาจตัดสินใจตลอดห่วงโซ่คุณค่า ช่วยให้บรรลุเป้าหมาย ได้มากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรน้อยลงในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตอุตสาหกรรม สำหรับผู้ผลิตในประเทศไทย นี่หมายถึงการเห็นข้อมูลทั้งองค์กรได้ครอบคลุม การตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้น และรวมไปถึงการใช้พลังงาน น้ำ และวัตถุดิบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น
AVEVA ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการลงทุนดิจิทัลที่สอดคล้องกับโมเดล BCG ผ่าน ความร่วมมือกับองค์กรในประเทศไทย โดย Thomas Phang ได้ยกตัวอย่าง 2 บริษัทชั้นนำในที่ใช้แพลตฟอร์มของ AVEVA กล่าวคือ
SCG Chemicals หนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ใช้แพลตฟอร์มความน่าเชื่อถือทางดิจิทัล (Digital Reliability Platform: DRP) ของ AVEVA เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานควบคู่ไปกับการบรรลุ เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและการเงินในระยะยาว ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จาก AI ในการเรียนรู้ของเครื่อง และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์
ทำให้ SCG Chemicals สามารถคาดการณ์ความผิดพลาดของอุปกรณ์ ได้ก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง ช่วยลดเวลาหยุดทำงานที่ไม่ได้วางแผนไว้ได้อย่างมาก อีกทั้งสนับสนุนการดำเนินงาน ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้น วิธีการนี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของโรงงานจาก 98% เป็นเกือบ 100% และยังช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมได้อย่างมาก
ขณะที่ B.Grimm Power บริษัทพลังงานในประเทศไทย ปัจจุบันได้ใช้แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในกลยุทธ์ การบำรุงรักษาด้วย AVEVA PI System และ AVEVA Predictive Analytics เพื่อช่วยลดระยะเวลาการหยุดทำงานของโรงงานโดยไม่กระทบต่อความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพการทำงาน
นอกจากนั้นยังมี Schneider Electric’s Smart Factory (อินโดนีเซีย) ที่ใช้การผสานรวมแพลตฟอร์ม Discrete Lean Management, Enterprise Asset Management และ Insight ทำให้โรงงานนี้ลดเวลาการหยุดทำงานที่เกิดจาการชำรุดของเครื่องจักรลง 44% ลดการใช้พลังงานลง 21% และเพิ่มอัตราการส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้ทันเวลาถึง 40% แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัล ช่วยผลักดันสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
AVEVA ยังมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการและประสานงานชุดของเอเจนต์อัจฉริยะหลายตัวให้ ทำงานร่วมกันอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ โดยสามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการของงอุตสาหกรรม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดผ่านการประยุกต์ใช้ Agentic AI ด้วยการประสานเอเจนต์อัจฉริยะหลายตัวในระบบที่ซับซ้อน
Thomas Phang ปิดท้ายอย่างมั่นใจว่า เนื่องจาก AVEVA มีสำนักงานประจำประเทศไทยตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ จึงทำให้สามารถทำงานร่วมกันกับลูกค้าชาวไทยได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้น กับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อบูรณาการแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมแบบเปิด
นอกจากนี้ยังร่วมพัฒนาโซลูชันดิจิทัลกับพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ ด้านความยั่งยืนและผลผลิตที่วัดผลได้







