จีไอเอส ชี้ทางรอดภัยพิบัติไทยอยู่ที่ ‘ข้อมูล’ พร้อมเน้นย้ำการบูรณาการทุกภาคส่วน

จีไอเอส ชี้ทางรอดภัยพิบัติไทยอยู่ที่ ‘ข้อมูล’ พร้อมเน้นย้ำการบูรณาการทุกภาคส่วน

จีไอเอส ร่วมเวที KBTG Techtopia 2025 ชี้ว่า ไทยไม่อาจรับมือภัยพิบัติด้วยการคาดเดาได้อีกต่อไป หากยังขาดการบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วน ทางรอดอยู่ที่การใช้เทคโนโลยี GIS เพื่อสร้างระบบข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การตัดสินใจที่แม่นยำ ทันเวลา ก่อนจะเผชิญจุดเปลี่ยนที่ยากรับมือ

ดร.ธนพร ฐิติสวัสดิ์ ประธานบริษัทจีไอเอส จำกัด ในกลุ่มบริษัทซีดีจี ร่วมเวที “Facing Tomorrow Disasters: How We Prepare for Quakes, Floods, and More” ในงาน KBTG Techtopia: At World’s Beginning เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยชี้ว่าการรับมือกับ ภัยพิบัติ ไม่ใช่เพียงแค่ Technology และการสร้างระบบขนาดใหญ่ แต่คือการบูรณาการ “ข้อมูล” จากทุกหน่วยงาน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถ รู้ สู้ อยู่ หรือหนี ได้อย่างแม่นยำตามสถานการณ์จริง ผ่าน เทคโนโลยี GIS ที่ช่วยวิเคราะห์ ประมวล และคาดการณ์ล่วงหน้าผ่านแผนที่เสมือนจริง เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ทันท่วงที

การเตรียมพร้อมเพื่อ สู้ อยู่ หรือหนี นั้น ดร.ธนพร ฐิติสวัสดิ์ ประธานบริษัทจีไอเอส จำกัด ในกลุ่มบริษัทซีดีจี เน้นยำว่า เราต้องหันมาใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐาน พร้อมทั้งการบูรณาการจากทุกหน่วยงานให้เป็นหนึ่งเดียว หากข้อมูลกระจัดกระจาย การทำงาน การสื่อสาร การแก้ปัญหา และการตัดสินใจก็จะไม่ชัดเจนและไม่ไปในทิศทางเดียวกัน ความท้าทายสำคัญในวันนี้คือการเชื่อมโยงข้อมูลอย่างเป็นระบบ และคนที่เข้าใจโจทย์จริง เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลให้เห็นแนวโน้มและสถานการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริง นำไปสู่การตัดสินใจที่เหมาะสม เพิ่มศักยภาพการใช้เทคโนโลยี GIS อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อประเทศและประชาชน

“เป้าหมายของเราคือการใช้ เทคโนโลยี GIS เพื่อเสริมศักยภาพการจัดการ ภัยพิบัติ ให้ไม่เพียงคาดการณ์และประเมินสถานการณ์ได้แม่นยำ แต่ยังเตรียมความพร้อมให้สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที ลดความสูญเสีย และเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชน”

จีไอเอส ชี้ทางรอดภัยพิบัติไทยอยู่ที่ ‘ข้อมูล’ พร้อมเน้นย้ำการบูรณาการทุกภาคส่วน

“ที่ผ่านมา เราได้ต่อยอด เทคโนโลยี GIS สู่โซลูชันจริง เช่น Urban Hazard Studio ที่พัฒนาร่วมกับ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ประธานกรรมการบริหาร Futuretales LAB, MQDC และผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อจำลองและคาดการณ์สถานการณ์น้ำท่วมในอนาคต รวมถึงแอปพลิเคชัน ‘เตะฝุ่น’ ที่พัฒนาร่วมกับ สภาลมหายใจกรุงเทพฯ ดร.เจน ชาญณรงค์ รองประธานสภาสมหายใจ ผู้ร่วมเสวนา ซึ่งบูรณาการข้อมูลคุณภาพอากาศและจุดความร้อนแบบเรียลไทม์ พร้อมพยากรณ์ล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน ตัวอย่างเหล่านี้สะท้อนว่า GIS สามารถถูกนำมาใช้จริงในการรับมือทั้ง ภัยพิบัติ และมลพิษสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือเป็นอีกหนึ่งเครื่องเร่งสำคัญ ที่จะทำให้การจัดการภัยพิบัติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเป็นไปได้จริง”

ดร.ธนพร ชี้ให้เห็นว่า ความท้าทายไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือการบูรณาการข้อมูล ความสำเร็จของการใช้ GIS จึงต้องเกิดจากการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ ภาคประชาสังคม หรือหน่วยงานท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น Urban Hazard Studio ที่เกิดจากการทำงานกับสถาบันวิจัย และแอปพลิเคชัน “เตะฝุ่น” ที่สะท้อนบทบาทของภาคประชาสังคม ขณะเดียวกันระบบเตือนภัยที่ประชาชนเข้าถึงได้และเชื่อถือได้ก็เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญของความร่วมมือ เพราะท้ายที่สุดแล้วระบบจะน่าเชื่อถือได้ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายเปิดข้อมูลและประสานงานอย่างเป็นระบบ

จีไอเอส ชี้ทางรอดภัยพิบัติไทยอยู่ที่ ‘ข้อมูล’ พร้อมเน้นย้ำการบูรณาการทุกภาคส่วน

ภัยพิบัติ และมลพิษสิ่งแวดล้อมไม่เพียงสร้างความเสียหายเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อชีวิตประชาชน โดยเฉพาะระบบแจ้งเตือนต้องมีประสิทธิภาพ และมีความน่าเชื่อถือ ดร.ธนพร ชี้ว่า ระบบเตือนภัยที่ดีต้องไม่ใช่แค่ส่งสัญญาณเตือน แต่ต้องบอกทางเลือกหรือแนวทางปฏิบัติที่ประชาชนสามารถทำได้จริงในเวลาจำกัด เพื่อให้การเตือนภัยมีความหมายและสร้างความเชื่อมั่น และนี่คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผู้คนสามารถเตรียมพร้อม ปกป้องตนเองและครอบครัว ลดความสูญเสียได้จริง

KBTG Techtopia 2025 งานประชุมด้านเทคโนโลยีระดับนานาชาติที่จัดขึ้นเป็นปีที่สาม ภายใต้ธีม “At World’s Beginning” รวมผู้เชี่ยวชาญและผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 80 คนจากทั่วโลก มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวทางแก้ปัญหาสำคัญของโลกยุคใหม่ ระหว่างวันที่ 2 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

จีไอเอส ชี้ทางรอดภัยพิบัติไทยอยู่ที่ ‘ข้อมูล’ พร้อมเน้นย้ำการบูรณาการทุกภาคส่วน