ปั้นไทยสู่ 'ศูนย์กลางการแพทย์' MEDICAL FAIR THAILAND 2025 หนุนเศรษฐกิจ

MEDICAL FAIR THAILAND 2025 โอกาสไทยสู่ 'Medical Hub' ในอาเซียน เป็นเวทีเชื่อมต่อของการลงทุนและยกระดับ MedTech และ HealthTech ไทยให้มีศักยภาพเพื่อหนุนเศรษฐกิจ
ไทยกำลังก้าวสู่บทบาทสำคัญในฐานะ ศูนย์กลางทางการแพทย์ระดับโลก Medical Hub ที่ต้องอาศัยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ดังนั้นเวทีสำคัญระดับนานาชาติอย่าง MEDICAL FAIR THAILAND 2025 เปรียบเสมือนประตูเชื่อมโยงนวัตกรรมและโอกาสการลงทุน
เกอร์นอท ริงลิ่ง (Gernot Ringling) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ได้เปิดเผยถึง บทบาทสำคัญของงาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 ในฐานะกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในอุตสาหกรรม MedTech และ HealthTech โดยงานนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแสดงนวัตกรรมแต่ยังเป็น "จุดยุทธศาสตร์" ที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ไทยก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลางการแพทย์ ระดับภูมิภาคอย่างแท้จริง
เกอร์นอท ริงลิ่ง เน้นย้ำว่า งาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 ซึ่งเป็นการจัดงานครั้งที่ 11 ได้พัฒนาจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในปี 2003 จนกลายเป็นมหกรรมการแพทย์และสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งานนี้จัดขึ้นบนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร โดยรวบรวมผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพมากกว่า 1,000 ราย จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกรวมถึง 20 พาวิลเลียนทั้งไทยและนานาชาติ การรวมตัวของผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการลงทุนในอุตสาหกรรม MedTech และ HealthTech ของไทยที่มีศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนอย่างต่อเนื่องนับพันล้านบาทในอนาคต
ดีมานด์สุขภาพ โอกาสใหม่เศรษฐกิจไทย
ความต้องการด้านการดูแลสุขภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยคาดว่าประชากรในภูมิภาคนี้จะมีจำนวนเกิน 722 ล้านคนภายในปี 2030 ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 22.2% ภายในปี 2050 ในกลุ่มอาเซียนควบคู่ไปกับการขยายตัวของชนชั้นกลางที่ผลักดันความต้องการบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสูงเข้าถึงได้ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน นอกจากนี้ ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้เกือบ 2% ของ GDP ไทยระหว่างปัจจุบันถึงปี 2027
งาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 จะนำเสนอโซลูชันและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อย่างครบวงจรครอบคลุมตลอดห่วงโซ่การดูแลสุขภาพ
- LaunchPad Zone พื้นที่สำหรับผู้แสดงสินค้าและสตาร์ทอัพที่มาเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อสร้างเครือข่ายและจุดประกายโอกาสทางธุรกิจ
- Community Care Zone นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ การดูแลผู้สูงอายุ และสุขภาพชุมชนกว่า 100 รายการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสนับสนุนการใช้ชีวิตอย่างอิสระ
- Medical Manufacturing Zone พื้นที่จัดแสดงโซลูชันการผลิตและการสร้างเครื่องมือแพทย์ เน้นด้านวิศวกรรมแม่นยำ ผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง และเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ ซึ่งสอดรับกับการเติบโตของการผลิตเครื่องมือแพทย์ในเอเชีย ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) มีสัดส่วนการใช้จ่ายด้าน MedTech ราว 30% ของตลาดโลก และคาดว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 1.21-1.40 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี
- GITEX Digi-Health & Biotech Thailand 2025 จัดควบคู่ไปกับ Medical Fair Thailand ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข โดยมุ่งนำเสนอความก้าวหน้าด้านดิจิทัลเฮลท์ เทคโนโลยีชีวภาพ AI เทเลเมดิซีน และโครงสร้างพื้นฐานโรงพยาบาล
ภายในงาน GITEX ยังมีการแข่งขัน Supernova Pitch Competition สำหรับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสุขภาพ เพื่อชิงเงินรางวัล 10,000 ดอลลาร์ พร้อมโอกาสต่อยอดธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ
ผนึกกำลัง รัฐ-เอกชน ดันไทยสู่ MEDICAL HUB
สำหรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ จารุเดช คุณะดิลก ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ (MoDIC) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เน้นย้ำถึงการก้าวเข้าสู่ New S-Curve ของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ เพื่อเพิ่ม GDP จากการผลิต การจ้างงาน การลงทุน และทดแทนการนำเข้า โดยในปีที่ผ่านมาไทยส่งออกเครื่องมือแพทย์มูลค่า 133,393 ล้านบาท และนำเข้าที่ 96,937 ล้านบาท
ด้าน นพ.ไพบูลย์ เอกแสงศรี นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า โรงพยาบาลเอกชนไทยกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยให้ครอบคลุมทั้งคุณภาพ ความปลอดภัย และประสบการณ์บริการให้ได้มาตรฐานสากล ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมการลงทุนและการนำนวัตกรรมการแพทย์แบรนด์ไทยมาใช้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศเพื่อลดการพึ่งพิงการนำเข้า
วิชญ์ฐิตา ปานเนาว์ ผู้แทนผู้อำนวยการกองวิศวกรรมการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ชี้ว่า ไทยมีเป้าหมายชัดเจนในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของโลกซึ่งขับเคลื่อนด้วยสองพลังหลัก คือ นวัตกรรม ที่จะเปลี่ยนโฉมการดูแลสุขภาพ และ "ความปลอดภัยและมาตรฐาน" ภายใต้มาตรฐาน HS4 (Health Standard Service Support System) เพราะนวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดจะไร้ความหมายหากปราศจากความไว้วางใจจากประชาชน และภายในงาน สบส. จะจัดการสัมมนาและนิทรรศการภายใต้หัวข้อหลักคือ "ผนวกนวัตกรรมและความปลอดภัย ทิศทางเทคโนโลยีการแพทย์ภายใต้มาตรฐาน HS4 และการดูแลที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง" เพื่อมอบแผนที่นำทางเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้บริหารสถานพยาบาลไทย ในการสร้างความสมดุลระหว่างการนำนวัตกรรมมาใช้กับการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด และสร้างชุมชนของผู้นำเพื่อขับเคลื่อนระบบสุขภาพไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน
คริส แมคควิน กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ KAOUN International ผู้จัดงาน GITEX Digi-Health & Biotech Thailand กล่าวถึงการผนึกกำลังกับ MEDICAL FAIR THAILAND 2025 โดยได้รับแรงบันดาลใจและการสนับสนุนจาก GITEX GLOBAL ซึ่งเป็นงานด้านเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยต้องการนำเสนอความก้าวหน้าในด้านการแพทย์และมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงสตาร์ทอัพ นักลงทุน ผู้นำด้านสาธารณสุข และผู้กำหนดนโยบายจากทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะสำหรับผู้บริหารระดับสูงในโรงพยาบาลและหน่วยงานด้านสุขภาพที่มองหาเทคโนโลยีแห่งอนาคต
สุดท้ายแล้วงาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 จึงเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงนวัตกรรมไทยกับพันธมิตรทั่วภูมิภาค สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาระบบนิเวศด้านการดูแลสุขภาพของอาเซียนการสร้างพันธมิตรข้ามอุตสาหกรรม และการเชื่อมโยงผู้เล่นด้านดิจิทัลเฮลท์ที่เป็นหัวใจสำคัญในการเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และนวัตกรรมสุขภาพไทย เพื่อตอบรับยุทธศาสตร์ของรัฐในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ







