BBLAM ร่วมกับ BBL จัดงานสัมมนา 2025 'Investment Outlook by BBLAM'

BBLAM ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL จัดงานสัมมนา "2025 Investment Outlook by BBLAM" เปิดโอกาสให้นักลงทุนร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2568
24 มกราคม 2568 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL จัดงานสัมมนา "2025 Investment Outlook by BBLAM" โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนและผู้สนใจด้านการเงิน เข้าร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2568 ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว งานนี้มีผู้เชี่ยวชาญจาก BBLAM นำเสนอข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่มีคุณค่าในการจัดสรรพอร์ตการลงทุนที่ตอบโจทย์อนาคต
เศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนปี 2568
งานเริ่มต้นด้วยหัวข้อ "ก้าวสู่ปี 2568: งูไม้เลื้อยรัดเศรษฐกิจโลกไปแบบไหน" โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 3% โดยเศรษฐกิจสหรัฐ เติบโต 2% ยุโรปทรงตัว และจีนเติบโต 5% พร้อมเน้นย้ำว่า ปัจจัยการเมืองจะมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน เช่น การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในสหรัฐและทิศทางของรัฐบาลจีน
ปี 2568 ไม่ใช่เพียงปีแห่งเศรษฐกิจและการเงิน แต่ยังเป็นปีที่การเมืองจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น หลังจากการเลือกตั้งสิ้นสุดลงเมื่อปีก่อน ช่วงนี้จะเป็นช่วงของ "ปีโชว์ผลงาน" โดยเฉพาะจากรัฐบาลชุดใหม่ในหลายประเทศ ดร.มิ่งขวัญ ระบุว่า ในช่วงที่ตลาดปรับตัวตามนโยบายและการเมืองปีแรก นักลงทุนควรจะมองภาพรวมและลอง Zoom Out ระยะเวลาลงทุนในกรอบที่กว้างขึ้นและยาวขึ้น หากนักลงทุนจับวัฏจักรการเลือกตั้งและการเปลี่ยนนโยบายในทุกประเทศได้ ก็จะจับจังหวะการเข้าลงทุนในระยะ Medium-Long Term ได้
ปี 2568 จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการทยอยลงทุนในจังหวะที่ต้นทุนยังอยู่ในระดับต่ำ เพื่อเตรียมพร้อมรับโอกาสการเติบโตในปี 2569-2570 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ผลลัพธ์ของนโยบายต่างๆ เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจน
เจาะลึกตลาดหุ้นไทยในปี 2568
หัวข้อถัดมา "หุ้นไทยจะไปทรงไหนในปี 2568" โดย อิสระ อรดีดลเชษฐ์ Deputy Managing Director, Investment Research ให้ข้อมูลว่า ตลาดหุ้นไทย ยังคงเผชิญความท้าทายในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาว โดยปัจจุบันมูลค่าของตลาดอยู่ในระดับที่น่าสนใจ (P/E 14 เท่า หรือ -1SD) ซึ่งอาจเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มสื่อสาร ธนาคาร และสายการบิน
อิสระ เน้นว่า ช่วงครึ่งปีหลังเป็นเวลาที่นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเริ่มเห็นผล ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และส่งเสริมการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย
โอกาสและความท้าทายในตลาดโลก
หัวข้อ "เจาะลึกการลงทุนในสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย และจีน" โดย ดนัย อรุณกิตติชัย CFA Assistant Managing Director, Fund Management Group ชี้ให้เห็นถึงโอกาสในตลาดตราสารหนี้ ซึ่งกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง หลังจากดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุด นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีขึ้น
ส่วน ตลาดหุ้นโลก กลุ่มเทคโนโลยียังคงเป็นผู้นำ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น Nasdaq และ S&P500 ส่วนยุโรปและญี่ปุ่นมีความน่าสนใจในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและอุตสาหกรรม ขณะที่ตลาดหุ้นอินเดียยังคงเติบโตแข็งแกร่ง และตลาดหุ้นจีนมีศักยภาพ แต่ยังขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล
สำหรับกองทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ B-GLOBAL, B-USALPHA และ B-INNOTECH ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการกระจายการลงทุนและสร้างผลตอบแทนระยะยาว
บริหาร LTF หลังครบกำหนด
ปิดท้ายงานสัมมนาด้วยหัวข้อ "LTF ครบกำหนดแล้ว ทำยังไงดี?" โดย เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® Assistant Managing Director, Wealth Management Academy ให้คำแนะนำว่า นักลงทุนควรทำ Asset Allocation เพื่อประเมินพอร์ตโดยรวมว่า พอร์ตที่เป็นอยู่กับพอร์ตที่ควรจะเป็นเหมือน หรือต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะสัดส่วนหุ้นไทยที่ถืออยู่ว่า มีมากหรือน้อยกว่าสัดส่วนที่ควรจะเป็น โดยพิจารณาความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และใช้เพื่อตัดสินใจว่า จะขายหรือถือต่อ สำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงในหุ้นไทย แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงทุนอะไรตอนนี้ ก็สามารถโยกเงินลงทุนไปพักที่กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น อย่าง B-ST ได้ หรือผู้ที่ต้องการ ลดหย่อนภาษี ก็สามารถย้ายมาลงทุนต่อเนื่องใน RMF หรือ ThaiESG ตามสัดส่วนของ Asset Allocation ของตนเองได้
ภาพรวมของงานสัมมนา "2025 Investment Outlook by BBLAM" เน้นย้ำถึงโอกาสและความท้าทายของเศรษฐกิจโลกและตลาดการลงทุนในปี 2568 พร้อมให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญของ BBLAM ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจขององค์กรที่มุ่งมั่น "ทำให้ครอบครัวไทยมีความมั่นคงทางการเงิน"
นักลงทุนจึงควรจะใช้โอกาสในปีนี้ เพื่อวางแผนการลงทุนระยะยาว โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์การจัดสรรสินทรัพย์ที่เหมาะสม เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายทางการเงินอย่างมั่นคงในอนาคต







