บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เผยบทวิเคราะห์ ประเมินแนวโน้มหุ้น PTG

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เผยบทวิเคราะห์ ประเมินแนวโน้มหุ้น PTG

กูรูหุ้นจาก บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2566 ของหุ้น PTG ปั๊มกำไร Q4 แตะ 500 ล้านบาท รับอานิสงส์ยอดขายน้ำมันเพิ่ม - Non Oil หนุน

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2566 ของหุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ไว้ที่ 994 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/2566 จะสูงกว่า 500 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 4 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2565 และกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2566 ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นคาดการณ์มาจากปริมาณยอดขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,550 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงค่าการตลาดน้ำมันที่เพิ่มเป็น 1.90 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 20% จากกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 14% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยยังคาดว่ากำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เพราะยอดขายร้าน Max Mart และร้านกาแฟพันธุ์ไทยสูงขึ้นตามจำนวนรถที่มาใช้บริการสถานีบริการน้ำมันแบรนด์ PTG ในไตรมาส 4/2566 ที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 2567 ไว้ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นหลัก โดยใช้สมมุติฐานว่าปริมาณยอดขายน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 6% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 6,300 ล้านลิตร ในปีหน้า จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย หลังจากที่นักวิเคราะห์กลุ่มท่องเที่ยวของ KGI ประเมินว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 16% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 32 ล้านคน จาก 27.5 ล้านคนในปี 2566 อีกทั้งยังคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันปีหน้าจะอยู่ที่ 1.70 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นขอบล่างของระดับปกติ (1.70-1.80 บาท/ลิตร) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงในปีหน้า เผชิญแรงกดดันน้อยลงจากการคุมเข้มค่าการตลาดน้ำมันเบนซินในไทย ถึงแม้ว่ารมว.พลังงานจะเร่งศึกษาและแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อคุมค่าการตลาดน้ำมันทุกประเภทไม่ให้เกิน 2.00 บาท/ลิตร แต่ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าการที่ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงจาก 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในเดือนกันยายน เป็น 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปัจจุบันจะช่วยลดแรงกดดันจากการคุมเข้มค่าการตลาดน้ำมันเบนซินของผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันในไทย เพราะราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลดลงมากหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบลดลง อีกทั้งกระบวนการศึกษาและแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องต้องใช้เวลายาวนาน

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงปรับราคาเป้าหมายปี 2567 ไว้ที่ 11.50 บาท จากเดิม 10.40 บาท เพื่อสะท้อนถึงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรปี 2567 ที่ 34% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จากเดิม "ถือ" เนื่องจากคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/2566 และเผชิญแรงกดดันน้อยลงจากการคุมเข้มค่าการตลาดน้ำมันเบนซินในไทย หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงในไตรมาสนี้