PrimeStreet Capital โชว์ผลงาน Global Venture Capital 18 เดือนแรก พอร์ตโต 3 เท่า

PrimeStreet Capital โชว์ผลงาน Global Venture Capital 18 เดือนแรก พอร์ตโต 3 เท่า

PrimeStreet Capital เผยความสำเร็จผลงานกองทุน Global Venture Capital ในช่วง 18 เดือนแรก มูลค่าพอร์ตโต 3 เท่า IRR โดดเด่นแตะ 130% เร่งเดินหน้าระดมเงินต่อยอดการลงทุนบริษัทเป้าหมายกระแสเมกะเทรนด์โอกาสเติบโตสูง สร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืน

นายพรสิทธิ์ ภูวนากิจจากร ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วน PrimeStreet Capital ผู้บริหารกองทุน Global Venture Capital สัญชาติไทย ซึ่งมีสำนักงานทั้งไทยและสหรัฐอเมริกา ในเครือ PrimeStreet Group เปิดเผยว่า ภาพรวม 18 เดือนแรก มูลค่าพอร์ต Global Venture Capital ภายใต้การบริหารจัดการของ PrimeStreet Capital ปรับเพิ่มขึ้น 3 เท่า หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนแก่นักลงทุน (IRR) อยู่ที่ราว 130% ตามการเติบโตของกิจการบริษัทร่วมลงทุน จากที่ได้เข้าไปร่วมลงทุนโดยตรงกับธุรกิจด้านเทคโนโลยีทั่วโลกจำนวน 4 บริษัท ประกอบด้วย "ZAPP" ผู้คิดค้นออกแบบและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง สตาร์ทอัพสัญชาติอังกฤษ, "FWX" ผู้พัฒนา Platform เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกรรมทางการเงิน, "Clip" ยูนิคอร์นด้าน FinTech ผู้พัฒนาระบบการชำระเงิน (Payment Process) ในเม็กซิโก และ "NEUVIVO" บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech Company) 

ขณะนี้กองทุน Global Venture Capital ภายใต้การบริหารจัดการของ PrimeStreet Capital ยังคงเปิดระดมเงินทุน เพื่อต่อยอดขยายการลงทุนในบริษัทเป้าหมายสำคัญ ที่มีโอกาสและศักยภาพเติบโตสูง สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาว พร้อมช่วยแก้ไขปัญหาความท้าทายของเศรษฐกิจและสังคมในยุคศตวรรษที่ 21 เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นที่ 4 ธีมเมกะเทรนด์ ประกอบด้วย 1. Healthcare and Wellness, 2. Society and Lifestyle, 3. Environment and Resource และ 4. Impact Technology & Web 3.0 ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุน ทั้งนักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีนักลงทุนรายใหญ่จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ผ่านกระบวนการการอนุมัติและเข้ามาเป็นผู้ลงทุนในกองทุน Global Venture Capital เพิ่มเติมจากกลุ่มผู้ลงทุนเดิม    

นายพรสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า PrimeStreet Capital ยังคงเดินหน้าคัดกรองบริษัทที่มีศักยภาพและโอกาสการเติบโตสูงเพื่อเข้าร่วมลงทุน เชื่อว่าจะได้ลงทุนเพิ่มเติมอีก 4-5 บริษัท ภายในปี 2567 นอกจากนี้อีกเป้าหมายสำคัญในการลงทุนของ PrimeStreet Capital คือต้องการนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและโอกาสทางธุรกิจจากทั่วโลก ที่มีความเป็นไปได้ในการเกื้อหนุน สนับสนุน และต่อยอด ให้กับเศรษฐกิจในประเทศไทย กลับมาเชื่องโยงให้กับผู้ประกอบการในประเทศ ล่าสุดจึงเตรียมเปิดตัวกองทุนใหม่ Local Private Equity Fund เพื่อร่วมผลักดันผู้ประกอบการภายในประเทศให้เติบโต เปิดโอกาสขยายปีกการเติบโตสู่ต่างประเทศ ผ่านเครือข่ายของ PrimeStreet Capital นอกจากนี้ทาง PrimeStreet Capital จะเปลี่ยนชื่อกองทุน Global Venture Capital จาก RP Venture Alliance Fund 1 (RPVAF-1) เป็น PrimeStreet Impact Fund 1 (PSI-1) เพื่อตอกย้ำจุดยืนด้านการลงทุนที่ต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืน และมีศักยภาพที่จะขยายผลในวงกว้าง