"Backlink" คืออะไร หากยังไม่รู้มาทำความรู้จักกัน

"Backlink" คืออะไร หากยังไม่รู้มาทำความรู้จักกัน

Backlink คืออะไร รวมถึงแท้จริงแล้ว backlink มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีอะไรบ้าง และเทคนิคการหาข้อมูลบริษัทคู่แข่งทั้งหมดนี้ อ่านได้จากบทความนี้

เชื่อได้ว่าหลายคนยังไม่ทราบว่า Backlink เอาไว้ทำอะไร มีหน้าที่อย่างไร วันนี้จะมาอธิบายหน้าที่และความสำคัญให้ได้ทราบกัน 

Backlink คืออะไร

คำว่า Backlink คือคำที่ใช้ในธุรกิจ SEO หรือที่เรียกว่า Search engine optimization เป็นคำที่นักการตลาดหลายๆ คน เริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากการทำ SEO เบื้องต้นด้วยการเขียนบทความอย่างเดียว ผู้เชี่ยวชาญในวงการต่างก็เห็นตรงกันว่า Backlink เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ในการจัดอันดับของ Google

Backlink คือการที่ลิงก์จากเว็บอื่นๆ ให้ทำการชี้กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา เพื่อเป็นสิ่งที่บอก Google ให้รู้ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์ได้รับการยอมรับ เหมือนเป็นคะแนนโหวตจากเว็บอื่นๆ เพื่อที่จะส่งคะแนนมาให้ โดยจะส่งผลให้เว็บได้คะแนน SEO จาก Google มากขึ้น

ซึ่งบางคนเรียก Backlink ว่า Inbound Link หรือ Incoming Link หลักความคิดของมันก็คือ เวลาที่ Google หรือ Search Engine อื่นๆ เห็นเว็บอื่นที่ทำการลิงก์มาที่เรา มันจะเหมือนกับว่ามีคนพูดถึง โดยที่อ้างอิงมาถึงเราด้วย เว็บไซต์ของเราต้องดูดีมีสาระ น่าเชื่อถือ และมีข้อมูลเหมาะกับผู้อ่าน พอมีคนลิงก์มาเยอะๆ มันก็เป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บมากขึ้น

Backlink มีความสำคัญอย่างไร?

ในการทำเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก Google นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย Google จะมีผลสำรวจระบุไว้ว่า เว็บไซต์กว่า 90% ไม่มี Traffic หรือคนเข้ามาจาก Google เลย และเหตุผลหลักๆ ก็มาจากการที่เว็บไซต์นั้นไม่มี Backlink และที่ลิงก์เป็นเรื่องสำคัญ เวลาที่ไปสมัครงานแล้วมีคนเป็น Reference ให้หรือเวลาทำโปรเจกต์อะไรสักอย่าง แล้วมีคนโหวตให้เยอะๆ ก็จะดูน่าเชื่อถือขึ้น

Search Engine อย่าง กูเกิล ก็ใช้ Backlink เป็นตัวช่วยในการดูว่า เว็บไซต์ไหนน่าเชื่อถือ มีคุณภาพ และมีคนอ้างอิง เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่สนใจในเว็บไซต์นั้น

\"Backlink\" คืออะไร หากยังไม่รู้มาทำความรู้จักกัน

รูปแบบการทำ Backlink 

เว็บไซต์ต้องมาจากเว็บไซต์ที่มีความเชื่อถือได้และมีความเชื่อมั่นสูง ถ้าเปรียบเทียบในความเป็นจริงในชีวิต เมื่อเกิดไม่สบาย จะเลือก 2 ทาง คือ ทานยาตามแพทย์สั่ง หรือทานยาตามใครสักคนที่แนะนำตอนกำลังรอรถเมล์ ถ้าเป็นเราจะเชื่อใคร ระหว่างคนแรกกับคนที่สอง แน่นอนว่าต้องเชื่อคนที่ดูน่าเชื่อถือกว่า

Google Algorithm เองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน คอนเซ็ปต์นี้เรียกว่า "Domain Authority" หรือ DA ยิ่งเว็บไซต์ทั้งสองฝั่งมีความน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ Google ก็จะยิ่งจัดอันดับให้ดีขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้กลายเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ

รูปแบบในการสร้างไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่ยังมีเว็บไซต์ที่ทำ Backlink กับเว็บไซต์ของคุณจะต้องมีความเกี่ยวข้องกันด้วย และถ้าตำแหน่งของลิงก์ ยิ่งอยู่ด้านบนก็ยิ่งมีคนกดเข้ามากขึ้น โค้ดลิงก์ที่ดีก็ควรจะเป็น Dofollow tags และทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการฝากลิงก์กับเว็บที่มีการ Spam และรูปแบบในการทำ Backlink แต่ละครั้งควรมีความแตกต่างกัน

เทคนิคการหา Backlink จากคู่แข่ง

เทคนิคการหา Backlink จากคู่แข่งนั้น ถ้าต้องการที่จะส่องคู่แข่ง เราก็ควรที่จะเตรียมตัวเพื่อที่จะได้อยู่ในระดับของ SEO ที่ดี เพราะว่าการวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์ของคู่แข่งธุรกิจของเรานั้นว่า เป็นคู่แข่งที่สู้ยาก หรือสู้ง่าย เมื่อทำการวิเคราะห์คู่แข่งแล้ว ก็จะช่วยทำให้เพิ่มโอกาสในการทำ SEO ให้ชนะมากขึ้น

การที่จะต้องเตรียมตัวในการส่อง Backlink ของคู่แข่งนั้น อย่างแรกเลยจะต้องเตรียมเครื่องมือในการวิเคราะห์ SEO โดยที่จะต้องดู Bounce Rate, Daily Pageviews per Visitor และ Daily Time on Site ภาพรวมต่างๆ ดู keyword ที่มีคนค้นหาเยอะๆ ดูค่าเฉลี่ยความเร็วของทั้งเว็บ และดูเว็บไซต์ที่ใกล้เคียงกันกับธุรกิจ เพื่อที่จะได้ทำการวิเคราะห์คู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ว่าบริษัทคู่แข่งอยู่ในระดับไหน จะได้ทำให้บริษัทขึ้นระดับ SEO อยู่ในระดับที่ดีและน่าเชื่อถือ

ประเภทของ Backlink

Backlink มีหลายประเภทด้วยกัน โดยมีวิธีการแบ่งหลายแบบ แต่ที่ชัดเจนที่สุดที่ลงในโค้ดหลังบ้านเลย ได้แก่ Domain Link, Anchor Text Link, Image Link, Dofollow Link และ Nofollow Link แต่ละประเภทก็จะทำหน้าที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • Domain Link

Domain link คือ ชื่อเฉพาะของเว็บไซต์นั้นๆ ที่ได้ทำการถูกตั้งขึ้นเพื่อนำไปใช้งาน โดยปกติแล้วควรตั้งชื่อโดเมนให้สั้น มีความกระชับ และบ่งบอกถึงลิงก์ได้ในทันที และต้องพึงระลึกเสมอว่า "ชื่อโดเมนยิ่งสั้นยิ่งดี" ถ้าเกิดยาวเกินไปก็จะทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือได้

  • Anchor Text Link

Anchor text link นั้นสำหรับคำนี้ในวงการของ SEO คือตัวอักษรที่สามารถกดคลิกเข้าไป เพื่อไปหน้าถัดไปหรือหน้าที่เราต้องการได้ เช่น ถ้าต้องการ Keyword เป็นคำว่า "จองภาพยนตร์" เมื่อ Link กลับไปยังเว็บไซต์ของ โรงภาพยนตร์ ก็จะมี Link ลักษณะนี้ขึ้น โดยมีคำว่า จองภาพยนตร์ ในหน้าเว็บ ซึ่งคำว่า Anchor Text มักพบบ่อยในการทำ SEO

  • Image Link

Image link คือ การทำให้รูปของเว็บไซต์ปรากฏบนหน้า 1 ของ Google หรือใน Google Image Search ซึ่งจะช่วยทำให้เพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างมาก โดยที่สามารถดูสถิติได้จาก Mdgadvertising.com จะพบว่า 60% ของลูกค้าจะทำการติดต่อกับร้านค้าที่มีรูปสินค้าปรากฏบนผลการค้นหาของ Google และ 67% จะทำการตัดสินใจซื้อสินค้านั้น

  • Dofollow Link

Dofollow Link คือ Backlink ที่ใครๆ ก็อยากได้ หมายความว่าลิงก์ที่ได้มานั้น จะได้รับผลลัพธ์ที่มาจากเว็บที่ลิงก์มาหาอย่างเต็มที่ เช่น ถ้าเว็บคุณภาพดีมากๆ อย่าง BBC ที่ทำการเขียนข่าวถึงเว็บไซต์ของเราแล้วมีการลิงก์มา แบบนี้เว็บเราก็จะดูน่าเชื่อถือ

  • Nofollow Link

Nofollow Link เราจะได้ประโยชน์ในเชิงการเพิ่ม Domain Authority (Domain Rating) ไม่มากนัก ซึ่งจะไม่ได้ในด้าน SEO มามากเท่ากับแบบ Dofollow แม้ว่าเว็บที่ลิงก์กันจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่ลิงก์ส่วนใหญ่ที่มาจาก Social Media อย่าง Facebook ลิงก์ประเภทนี้ช่วงแรกๆ เกิดขึ้นมาเพื่อกันปัญหาในการสแปม คนที่ชอบโพสต์ลิงก์รัวๆ โดยเฉพาะบนเว็บบอร์ด

วิธีตรวจสอบว่าลิงก์เป็น DoFollow หรือ NoFollow

วิธีตรวจสอบว่า ลิงก์ไหนเป็น Do Follow หรือ No Follow นั้นสามารถทำได้ง่าย จะทำโดยการ

  • เปิดไปที่เบราว์เซอร์ Chrome
  • เเล้วกด F12 เพื่อดูว่า Tag <a href> ว่ามี rel="nofollow" หรือเปล่า

ถ้ามีก็เเสดงว่าลิงก์นั้นเป็นลิงก์ที่ No follow เเล้วหากไม่มีหรือมีคำอื่นก็ให้คิดไว้ได้เลยว่า เป็นลิงก์ Do follow

Backlink ที่ดีเป็นอย่างไร?

Backlinkที่ดี จะต้องมาจากเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บของเรา เช่น ทำร้านอาหารเว็บที่ทำลิงก์ส่งมาหาเรา ควรเป็นเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน เช่น ลิงก์มาจากเว็บขายวัตถุดิบเกี่ยวกับอาหาร หรือรายการอาหาร เป็นต้น แต่ถ้าเป็นร้านขายอาหาร แต่เว็บที่ทำลิงก์ส่งมาเป็นเว็บขายรถ แบบนี้ถือว่า "ไม่ดี"

Google ชอบ Backlink แบบไหน?

กูเกิล ส่วนใหญ่จะชอบ Backlink แบบมีโครงสร้างของลิงก์นั้น เนื้อหาที่มีความน่าเชื่อถือ และคำที่คนส่วนใหญ่ชอบที่จะค้นหาในสิ่งที่ต้องการ และถ้าสร้าง Referral Links ให้มาก คนก็จะหาลิงก์เราพบมากขึ้น

จะหาและสร้าง Backlink ที่ดีได้จากที่ไหน?

Backlink ที่ดีจะต้องทำการหาข้อมูลเกี่ยวกับ Backlink ก่อนว่า จะสร้างอย่างไรให้ดี แล้วจะหา Backlink ที่ดีได้จากที่ไหน ถ้าลิงก์กลับมาเยอะๆ ก็น่าจะช่วยให้เว็บไซต์ทำอันดับได้ดีขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะทำ Backlink จากเว็บไหนก็ได้ เพราะไม่ใช่ทุกลิงก์ที่มีคุณภาพ

Ahrefs คืออะไร?

Ahrefs คือ หนึ่งในเครื่องมือสำหรับทำ SEO ที่เป็นที่นิยม มีฟีเจอร์มากมาย เพื่อช่วยให้สามารถได้วางแผน ติดตามผล และวิเคราะห์ข้อมูลในการ SEO เพื่อให้ติดอันดับบน Google ไม่ว่าจะเป็น Backlink Checker, toolbar, keyword research, competitors analysis ไปจนถึงการทำ site audits นั่นเอง

Ubersuggest

Ubersuggest คือ เครื่องมือที่จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ คีย์เวิร์ด ที่ต้องการจะใช้ และวิเคราะห์เว็บไซต์ของทั้งทางเราและคู่แข่ง เพื่อเป็นแนวทางในการทำคอนเทนต์ให้มีความน่าสนใจ และทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ SEO โดยที่เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ถูกทำขึ้นโดย Neil Patel ที่หลายๆ คนในแวดวง Digital Marketing ทั่วโลกน่าจะคุ้นเคยกัน

Majestic

Majestic SEO เป็นอีกเครื่องมือที่มีประโยชน์ที่สามารถพิจารณาติดตามลิงก์ย้อนกลับ ด้วยความที่มีฐานข้อมูลที่ใหญ่ โดยวิธีการที่เน้นในการจัดเรียงข้อมูลลิงก์ย้อนกลับทั้งหมดในอินเทอร์เฟซที่ใช้งานได้ง่าย เช่นเดียวกันกับ Ahrefs ที่มีหลายสิ่งที่สามารถทำได้ เช่น การดูลิงก์ย้อนกลับของคู่แข่งการติดตามตัวชี้วัด อาทิ การไหลของความไว้วางใจในการสร้างลิงก์ที่ไม่ทำงานนั่นเอง

SEMRush

SEMRush เป็นเครื่องมือที่ทำ SEO ยอดฮิต ที่ใช้ในการวิเคราะห์การทำ SEO เพื่อทำความเข้าใจกับคู่แข่งขัน และเข้าใจตลาด รวมถึงอุตสาหกรรมในเชิงลึกโดยเฉพาะ และยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาโฆษณา และกำหนดทิศทางของธุรกิจได้เป็นอย่างดีตั้งแต่การวิจัยคำค้นหาต่างๆ

วิธีการสร้าง Backlink

วิธีการสร้างแบ็คลิงก์ มีดังนี้

  1. ทำคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ
  2. ทำ On-page SEO ให้ดี
  3. ใช้ Infographic หรือ Slide แชร์
  4. ใช้ Social Media ช่วยด้วยสูตร 70 / 20 / 10
  5. ให้คนตัวใหญ่ หรือ Influencer ช่วย
  6. อาสาเขียนบทความให้แบบฟรีๆ
  7. ทำ Resource แจกฟรีให้คนแชร์