หมดเวลาสำหรับผู้นำจอมสั่ง | บวร ปภัสราทร

หมดเวลาสำหรับผู้นำจอมสั่ง | บวร ปภัสราทร

เชื่อกันมานานว่าในยามก่อร่างสร้างตัว หรือในยามที่รอบตัวเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ผู้นำต้องเด็ดขาด ไม่รอถามหน้าไหนว่าจะไปทางไหนกันดี สั่งการลูกเดียวว่าจะไปทางไหน ใครไม่ยอมทำตามที่บอกให้ทำ ก็จัดการให้พ้นทางไปโดยไม่รีรอ ไม่เชื่อที่ฉันสั่งก็ไม่ต้องอยู่ทำงานที่นี่

ผู้นำจอมสั่งที่ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นตำนานมีมาตั้งแต่อดีตอันยาวนาน และยังคงมีอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ ยิ่งในวงการไฮเทคยิ่งเห็นจอมสั่งสร้างความสำเร็จขึ้นมาในหลายเรื่อง ในระดับบ้านเมืองก็มีตัวอย่างจอมสั่งที่สร้างความสำเร็จให้บ้านเมืองหนึ่งเปลี่ยนจากท่าเรือด้อยพัฒนา กลายเป็นบ้านเมืองที่มีการพัฒนาในระดับแนวหน้าของโลก

จากความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นผ่านมาพบว่า ฤทธิ์เดชของผู้นำจอมสั่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อตัวผู้นำมองเห็นอนาคตที่คนอื่นไม่เห็น คนอื่นนึกไม่ถึง เป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกลและลึกซึ้ง ในวันใดที่ผู้นำจอมสั่งพบว่าตนเองเริ่มมองกิจการไปข้างหน้าไม่ไกล ไม่คมชัดเหมือนแต่ก่อน จอมสั่งเหล่านั้นมักวางมือแล้วปล่อยให้คนที่มองไกลกว่า มองได้ลึกกว่ามานั่งเก้าอี้ผู้นำแทนตนเอง

องค์กรที่จอมสั่งสร้างให้ใหญ่โตขึ้นมามักจะคงยิ่งใหญ่อยู่ต่อไปได้ หากจอมสั่งรู้เวลาที่ตนเองควรก้าวลงจากเก้าอี้ ในวงการดิจิทัลจะมองเห็นผู้นำจอมสั่งผู้สร้างความสำเร็จก้าวลงจากการเป็นเบอร์หนึ่ง แล้วให้คนอื่นก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งแทนกันอยู่เป็นประจำ 

ในทางตรงข้าม มีองค์กรที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ กลับล่มสลายลงไปได้ในมือของผู้นำจอมสั่งกันอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ไม่ค่อยเป็นที่สนใจศึกษากันว่าทำไมยักษ์ถึงล้มไปได้ หากไม่ก้าวลงจากเบอร์หนึ่งในวันที่เริ่มมองอนาคตไม่ชัด ก็จะกลายเป็นตำนานแห่งความล้มเหลวไปแทน

ผู้นำจอมสั่งทำให้ทุกคนยอมเดินตามได้โดยไม่ถกเถียง เหตุหนึ่งมาจากการที่จอมสั่งเข้าใจผู้คนในองค์กร ผู้นำรู้ว่าอะไรยาก อะไรง่ายในบริบทของผู้คน ผู้นำเห็นอกเห็นใจผู้คนประหนึ่งว่าร่วมเดินผ่านร้อนผ่านหนาวไปด้วยกัน ไม่ใช่ผู้คนร้อนจะแย่ด้วยพิษวิกฤติต่างๆ แต่ผู้นำยังเย็นสบายเพราะมีของฟรีใช้สารพัด จอมสั่งจะปรับเปลี่ยนบทบาทเมื่อเริ่มตระหนักว่าตนเองเข้าใจผู้คนน้อยลงกว่าแต่ก่อน ซึ่งอาจมาจากการที่รอบตัวเปลี่ยนแปลงไป โรคระบาดที่ยาวนานไม่จบสิ้น ทำให้บริบทชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป

ผู้นำบริษัทยักษ์ใหญ่ที่คนใช้อินเทอร์เน็ตทุกคนรู้จักดี ที่เคยเก่งขนาดบอกพนักงานได้แทบทุกตำแหน่งว่าใครต้องทำอะไร อย่างไร อยู่ๆ ก็ป่าวประกาศถามพนักงานที่มีเป็นแสนคน 3 ข้อ

  • ข้อแรกถามว่าพนักงานคิดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเพิ่มประสิทธิผลในการให้บริการลูกค้าได้ 
  • ข้อสองถามว่าบริษัทควรลดขั้นตอน ลดภาระอะไรลงไปบ้างเพื่อที่จะช่วยให้พนักงานทำงานได้เร็วขึ้น ได้ผลมากขึ้น
  • ข้อสามถามว่าบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายอะไร ลดต้นทุนอะไรลงได้บ้างโดยที่ไม่ทำให้สูญเสียการสร้างสรรค์และยังคงเติบโตได้ ซึ่งไม่ใช่การเป็นผู้นำจอมสั่งอีกต่อไป กลายเป็นจอมรับฟังไปแล้วในวันนี้

จอมสั่งที่สามารถสร้างความสำเร็จได้ ต้องเก่งในการขจัดอุปสรรค สั่งไปแล้วอะไรที่เป็นอุปสรรค จอมสั่งตามไปปัดเป่าให้หมด ไม่ใช่เอาแต่สั่งแล้วใครเจออุปสรรคอะไรก็ปล่อยให้ไปแก้กันเองตามยถากรรม ตัวเองลอยหน้านำความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการฝ่าฟันสารพัดอุปสรรคของคนทำงานมาอวดอ้างเป็นความสำเร็จของตนเอง อย่างไม่อายฟ้าดิน 

ถ้ามีอุปสรรคมากมายหลายอย่างที่ปัดเป่าไม่ได้ จอมสั่งที่ประสบความสำเร็จจะปรับเปลี่ยนบทบาทจากสั่งการ มาเป็นประสานสิบทิศ ไม่สั่งแต่ประสานกับทุกคนที่ช่วยแก้ไขอุปสรรคที่พบนั้นไปได้ จากสั่งการกลายเป็นขอแรง ถ้าไม่รู้ว่าเป็นเวลาที่ต้องขอแรง ยังตะแบงสั่งการไปเหมือนเดิม สิ่งที่เคยทำสำเร็จจะทำไม่สำเร็จอีกต่อไป

สัญญาณที่จะบอกว่าอวสานของผู้นำจอมสั่งกำลังใกล้เข้ามาคือ การปัดความผิดพลาดจากการสั่งการของตนไปเป็นความผิดของคนอื่น ฉันสั่งถูกแต่แกทำผิด ฉันสั่งถูกแต่โลกผิด ถ้าสั่งแล้วพลาดไปมากมาย ควรรู้ตัวเถอะว่าหมดเวลาของการเป็นจอมสั่งแล้ว