ชาวประมง 22 จังหวัด ประกาศผนึกกำลังสู้ครั้งสุดท้าย ทวงคืนความยุติธรรม

ชาวประมง 22 จังหวัด ประกาศผนึกกำลังสู้ครั้งสุดท้าย ทวงคืนความยุติธรรม

ชาวประมงทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล ไปปักหลักที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ระกาศผนึกกำลังสู้ครั้งสุดท้าย ทวงคืนความยุติธรรม

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 65 ที่ห้องประชุมสหกรณ์พัฒนาการประมง (ตลาดทะเลไทย) ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ทางสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2565 เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างมีมาตรฐาน ทั้งการตรวจเครื่องมือทำการประมงที่ไม่มีความชัดเจน ข้อกฎหมายต่างๆ การแก้ไขกฎหมาย พรก.การประมง 2558 และการผลักดันร่างกฎหมายฉบับประชาชน รวมไปถึงการทำหน้าที่ของชุดเฉพาะกิจคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ที่มีการจับกุมเรือประมงและแจ้งข้อกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมในห้วงที่ผ่านมา โดยในการประชุมครั้งนี้มีนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ นายกสมาคมการประมงฯ ตัวแทนชาวประมงและ ผู้ประกอบการประมงจาก 22 จังหวัดชายทะเล มาร่วมสะท้อนปัญหากว่า 200 คน

โดยตัวแทนจากชาวประมงที่ได้ขึ้นพูดปัญหานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาที่คล้ายๆ กัน คือ การไม่ได้รับความเป็นธรรมทางด้านของการบังคับใช้กฎหมายจากเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ ที่เข้าตรวจเรือประมงอวนลากคู่เมื่อเร็วๆนี้ แล้วมีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วแก่เรือประมง 11 ลำว่า มีการลักลอบใช้อวนผิดประเภท จนนำไปสู่การถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ทั้งๆ ที่ก่อนออกเรือก็ได้รับการตรวจเครื่องมือจากเจ้าหน้าที่ชุดตรวจฯ แล้วว่า สามารถนำออกไปใช้จับปลาได้ และยังมีกฎหมายประมงเป็นเครื่องยืนยันด้วยว่า สามารถใช้อวนในลักษณะดังกล่าวทำการประมงได้ เหตุนี้เองจึงเป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดลง หลังจากที่ชาวประมงต้องทนแบกรับกับสภาพปัญหาอื่นๆ และความกดดันจากการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ มาตลอด 8 ปี ดังนั้นจึงอยากให้มีการเดินหน้าต่อสู้เพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่พี่น้องชาวประมง และยังต้องการให้มีการตั้งทีมกฎหมายเพื่อต่อสู้กลับกับหน่วยงานที่เข้ามาปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อชาวประมงอีกด้วย
 

นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้นลงแล้วว่า การประชุมในวันนี้เกิดขึ้นจากการที่พี่น้องชาวประมงถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรมทั้งๆ ที่พี่น้องชาวประมงได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายประมง แต่กลับมีเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานที่ไปใช้อำนาจในการกล่าวหาจนทำให้ชาวประมงต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกฎหมายประมงนั้น ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยตำแหน่ง ดังนั้นผู้ที่จะมาตรวจสอบการทำประมงได้ ก็จะต้องแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่คณะที่มาตรวจนี้เป็นเพียงคณะปฏิบัติงาน จึงไม่น่าจะมีอำนาจในการที่จะมาตรวจจับพี่น้องชาวประมง เหตุนี้เองจึงกลายมาเป็นปัญหาที่ว่า การเข้าใจที่ไม่ตรงกันนี้ น่าจะมีการพูดคุยกันก่อน เพราะชาวประมงเองก็ไม่เคยเป็นผู้ขัดแย้งและไม่เคยทำตัวเป็นศัตรูกับภาครัฐ ที่ผ่านมาในระยะเวลา 8 ปี มีปัญหามากมายเกิดขึ้นกับพี่น้องชาวประมง แต่ไม่ว่ารัฐบาลหรือภาครัฐต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะให้ชาวประมงทำอะไร ชาวประมงก็ทำตามและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่มาวันนี้กลับพบว่ามีหน่วยงานบางหน่วยงานเข้ามาตรวจจับแล้วกล่าวหาพี่น้องชาวประมงทั้งๆ ที่พวกเขาทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงกลายเป็นประเด็นปัญหาที่พี่น้องชาวประมงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่ยุติธรรมกับพวกตน และได้ขอให้มีการจัดประชุมใหญ่เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันในการที่จะเดินหน้ายุติความอยุติธรรม และทวงคืนความเป็นธรรมแก่พี่น้องชาวประมงทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล

นายมงคล กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่พี่น้องชาวประมงทั่วประเทศ เกรงจะถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่างๆ ได้นั้น จึงตกลงเห็นชอบร่วมกันในข้อสรุปที่ว่า ให้ทางสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ทำหนังสือข้อเรียกร้องของพี่น้องชาวประมงทั้ง 22 จังหวัดพร้อมรายชื่อชาวประมงทุกคนส่งไปถึง นายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา),รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ),ผบ.ตร.ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงกับหน่วยงานชุดเฉพาะกิจนี้,สำนักงาน ปปช. และ คณะกรรมการ ปปช. เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ชุดนี้,อีกทั้งยังจะยื่นข้อเรียกร้องเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาลปกครองด้วย และอีกหนึ่งคือ การยื่นถวายฎีกา ซึ่งทั้งหมดนี้หากดำเนินการแล้วพี่น้องชาวประมงยังคงถูกรังแกต่อไปอีก ก็จะเดินหน้าต่อสู้ด้วยการนัดหยุดทำประมงทั้งประเทศ แต่จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อกิจการต่อเนื่องประมงบนฝั่ง การจ้างงาน การขนส่ง รวมถึงการค้าขายอาหารทะเลต่างๆ ด้วย และถึงที่สุดหากพี่น้องชาวประมงยังไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่เรียกร้องนั้น ก็คงจะต้องใช้ทางเลือกสุดท้ายคือ การนัดรวมพลกันของพี่น้องชาวประมงทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล ไปปักหลักที่หน้าทำเนียบรัฐบาลจนกว่าจะทวงคืนความยุติธรรมในครั้งนี้กลับมาได้

นายมงคล กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ท้ายที่สุดนี้อยากจะบอกอีกครั้งว่า ทางพี่น้องชาวประมงทุกคนทุกจังหวัด ไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับใครหรือหน่วยงานไหนทั้งสิ้น การต่อสู้แก้ไขปัญหา IUU Fishing ที่ผ่านมาตลอดนั้น ชาวประมงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และทำงานร่วมกับภาครัฐมาโดยตลอด มีแนวทางไหนที่ชาวประมงทำได้ก็ยินดีทำให้ แต่มาวันนี้ทำไมถึงมาสร้างความไม่เป็นธรรมต่อพี่น้องชาวประมง ทั้งนี้ก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า การสู้ครั้งนี้ชาวประมงจะขอสู้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะพวกเราถอยไม่ได้แล้วและจะไม่มีการถอยอย่างเด็ดขาด หากภาครัฐยังคงรังแกพี่น้องชาวประมงดังเช่นทุกวันนี้ จะขอยืนหยัดเดินหน้าต่อสู้กันต่อไปในกระบวนการต่างๆ จนกว่าจะพบกับความยุติธรรม