พิษพายุ "มู่หลาน" น้ำไหลหลากกัดเซาะถนนเข้าหมู่บ้าน เดินทางเข้า-ออกลำบาก

อิทธิพลพายุ "มู่หลาน" ชาวบ้านโอดถนนทางเข้าหมู่บ้านขาด หลังจากน้ำไหลหลากกัดเซาะ การเดินทางเข้า-ออกลำบาก

สืบเนื่องจากในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากพายุมู่หลาน ส่งผลให้ในหลายพื้นที่มีปริมาณน้ำมากบางพื้นที่มีกระแสน้ำมากได้ไกลหลากเข้าท่วมพื้นที่นอกจากนั้นยังได้กัดเซาะถนนหนทาง ทำให้ถนนเส้นหลักซึ่งเชื่อมต่อการเดินทางไปยังอำเภอกบินทร์บุรี ที่ประชาชนใช้สัญจรกันเป็นประจำขาด ช่วงบ้านหนองคล้าหมู่ 7 ต.วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเพราะต้องไปใช้ถนนอีกเส้น ที่เพิ่มระยะทางมากขึ้นจากการเดินทาง วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและเร่งแก้ไข โดยการร้องเรียนนี้ไปโพสอยู่ในโลกโซเซียล

จากการลงตรวจพื้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2565 พบว่าบริเวณถนนที่กล่าวมานั้นมีการทรุดตัวโดยมีความกว้างประมาณ 10 เมตร ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นลักญะเป็นคลองน้ำที่มีการไหลเชี่ยว และได้มีการทำถนนขวางคลองโดยมีการวางท่อแทนทางเดิม ทำให้พอเวลามีน้ำหลากกระแสน้ำได้กัดเซาะด้านข้างของท่อน้ำ จนเกิดการทรุดตัวและถล่มลงมา 2วันแล้ว โดยในวันนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านได้นำรถรถสิบล้อขนดินมาถมและใช้รถไถดันดินให้แน่นเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใช้ถนนการเป็นชั่วคราวก่อน
 

เบื้องต้นจากการสอบถามคุณป้าอุดม ดอนหัวรอ อายุ 64 ปี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้กล่าวว่า ตนได้รับความลำบากจากถนนที่ขาดซึ่งเวลาฝนตกและมีน้ำหลากมาถนนช่วงนั้นก็จะขาดประจำเนื่องจากว่ามันเป็นคลองและเป็นทางน้ำไหล ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ลำบากมาแล้ว 3 วัน ถึงแม้ว่าถนนช่วงนั้นจะมีการวางท่อและถมดินหากเวลาน้ำมาก็จะขาดเป็นประจำทุกปี ซึ่งทางชาวบ้านได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าขอให้ทำเป็นสะพานคงจะลดปัญหาในเรื่องของถนนที่ขาดได้

จากการสอบถามผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่าวัฒธนศักดิ์ สีภา ทางโทรศัพท์ กล่าวว่า ทางตนได้รับผลกระทบเข้าออกบ้านลำบาก ตนอยากให้มาทำเป็นสะพานเลย ที่ผ่านมาตนก็เห็นพังมาตลอดหลายครั้งครั้งนี้ทำให้ถนนขาด เมื่อก่อนก็ได้เปลี่ยนท่อและทำถนนตรงนี้เรื่อยๆ ทำให้ทางเดินน้ำไม่สะดวก แต่ถ้าเขาทำเป็นสะพานเลยถึงแม้จะใช้งบเยอะกว่าแต่ถ้าทำครั้งเดียวมันก็จบไปเลย ส่วนชาวบ้านที่อยู่ข้างในได้รับผลกระทบกันหมด ส่วนใหญ่เรื่องการสัญจรเนื่องจากทางที่ไปใช้เป็นทางลูกรังและมีหลุมมีบ่อ ระยะทางไกลกว่าเดิมและเสี่ยงที่จะเกิดเหตุได้ ถ้าเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวจะอัตรายมาก เพราะ 2 ข้างทางเป็นป่ายูคาและไม่มีไฟส่องแสงสว่างข้างทาง
 

ด้านนายบัณดิษฐ แก้วเคน ผู้ใหญ่บ้านได้ให้ข้อมูลว่า ถนนช่วงนี้เริ่มทรุดมาตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคมโดยทีแรกเกิดจากน้ำเซาะตรงข้างท่อลอดถนนซึ่งมีอยู่ 2 ท่อ จนทำให้ถนนขาดซึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน โดยทางตนได้ประสานไปยัง อบต.วังตะเคียน เพื่อที่จะได้นำดินลูกรังมาถมถนนที่มันขาดเพื่อที่จะบรรเทาไปก่อน ในช่วงที่จะต้องรองบประมาณของ อบต.เพื่อที่จะทำเป็นสะพานถาวร ซึ่งก่อนหน้านี้ก่อนที่จะมีถนนทรุดตัวและขาดลงทางผู้นำหมู่บ้านได้นำแผงกั้นไปปิดกั้นถนนทั้งสองฝั่งเพื่อไม่ให้ประชาชนรับทราบว่ามีถนนขาด จนล่าสุดนี้ได้ปิดถนนโดยเด็ดขาดเพื่อทำการแก้ไขโดยคาดว่าวันนี้จะสามารถทำการแก้ไขเสร็จและเปิดถนนให้ประชาชนใช้ได้เป็นการเบื้องต้นไปก่อน