7 วันอันตราย ปีใหม่ 2569 วันแรก ดับ 29 ราย ศปถ. ย้ำทุกจังหวัดคุมเข้ม เคาท์ดาวน์

ศปถ. สรุป 7 วันอันตราย ปีใหม่ 2569 วันแรก เสียชีวิต 29 ราย - บาดเจ็บ 190 คน สาเหตุหลักขับรถเร็ว ย้ำทุกจังหวัดคุมเข้ม เคาท์ดาวน์ปีใหม่ (Countdown 2026) สร้างความปลอดภัยถนนสายหลัก-สายรอง ป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ
วันนี้ (31 ธันวาคม 2568) ที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล ปีใหม่ 2569 (ศปถ.) รายงาน สถิติอุบัติเหตุทางถนน ประจำวันที่ 30 ธันวาคม 2568 วันแรกของการควบคุมเข้มข้น เกิดอุบัติเหตุ 198 ครั้ง บาดเจ็บ 190 คน เสียชีวิต 29 ราย ศปถ. เน้นการบริหารจัดการจราจรทั้งถนนสายหลักและสายรอง เพื่อดูแลการสัญจรของประชาชน รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ควบคู่กับการจัดตั้งด่านชุมชนและประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้มาตรการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เพื่อลดความสูญเสียในช่วงเทศกาลปีใหม่
พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายคุมเข้มความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ภายใต้ชื่อ 'ขับขี่ปลอดภัย ลดความเร็ว ลดอุบัติเหตุ' โดยวันที่ 30 ธันวาคม 2568 เป็นวันแรกของการควบคุมเข้มข้น ซึ่งจากสถิติข้อมูล มีอุบัติเหตุเกิด 198 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 190 คน ผู้เสียชีวิต 29 ราย
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่
- ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 41.92
- ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 20.20
- ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 18.69
ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่
- รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 71.79
พฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ การไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 55.71 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 87.37 , ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 43.94 และช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 18.01 - 21.00 น. (ร้อยละ 18.69) ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี
โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย และภูเก็ต (จังหวัดละ 11 ครั้ง) , จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (จำนวน 3 ราย) และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ภูเก็ต (จำนวน 12 คน)
สำหรับวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับถึงภูมิลำเนาแล้ว บางส่วนยังอยู่ระหว่างเดินทาง และมีการเดินทางไปเฉลิมฉลองในพื้นที่ต่าง ๆ ศปถ. จึงได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร บูรณาการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ประชาชน โดยกำชับให้ตรวจตราผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างเข้มข้น ทั้งการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด การดื่มแล้วขับ การไม่สวมหมวกนิรภัย และการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย พร้อมตรวจสอบผู้ที่ยังตกค้างในสถานีขนส่ง ให้สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ให้เร่งระบายการจราจรรถทั้งขาเข้าและขากลับ โดยนำเทคโนโลยีโดรนมาตรวจสอบสภาพการจราจรและวางแผนการทำงาน รวมถึงคืนพื้นที่ผิวเส้นทางจราจรในหลายจุดตามเส้นทางสายหลักเพื่ออำนวยความสะดวก และลดความสูญเสียและอันตรายจากอุบัติเหตุ
'สำหรับพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสำรวจจุดเสี่ยงและกำหนดมาตรการ รวมถึงกวดขันจับกุมความผิด 10 ข้อหาหลัก (10 รสขม) สำหรับการบริหารจัดการเส้นทางให้ตำรวจ/พื้นที่ใช้กรวยจราจรเป็นระยะทาง และตั้งไฟแจ้งเตือน เพื่อเป็นจุดสังเกตแก่ประชาชนว่ามีจุดบริการ/ด่านชุมชน ส่วนบริเวณเกาะสีและจุดกลับรถหากมีการปิดจุดดังกล่าว ให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ พร้อมจัดทำป้ายเตือน ไฟส่องสว่างให้ชัดเจน รวมถึงใช้รถตำรวจจอดบริเวณจุดเสี่ยงเพื่อกระตุ้นให้ผู้ขับขี่ลดความเร็ว สำหรับประชาชนผู้ขับขี่ยานพาหนะ ต้องเตรียมรถให้ปลอดภัย เตรียมร่างกายให้แข็งแรง เตรียมเส้นทางให้ปลอดภัย และเตรียมอารมณ์ในการขับขี่ ซึ่งจะช่วยให้การสัญจรบนท้องถนนในระยะนี้เป็นไปอย่างสะดวกปลอดภัย' พล.ต.อ.สำราญ กล่าว
ด้าน นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า ศปถ. ได้เน้นย้ำจังหวัดให้ใช้มาตรการเชิงรุกผ่านกลไกท้องถิ่น ท้องที่ และอาสาสมัคร ปฏิบัติการ 'เคาะประตูบ้าน' ให้คำแนะนำผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง ควบคู่กับการจัดตั้ง 'ด่านชุมชน' ป้องปรามบุคคลที่มีความเสี่ยงนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ หากผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติตามคำเตือนให้ประสานสถานีตำรวจในพื้นที่ดำเนินการตามกฎหมาย
นอกจากนี้ การจัด 'ชุดเคลื่อนที่เร็ว' ดูแลความปลอดภัยในจุดที่มีการจัดงานเฉลิมฉลอง จะเป็นอีกหนึ่งการปฏิบัติที่ช่วยลดอุบัติเหตุและอำนวยความสะดวกได้ และให้หน่วยงานในพื้นที่สร้างความเข้าใจมาตรการต่าง ๆ ต่อประชาชน เช่น การลดความเร็ว ผลกระทบจากการขับรถเร็ว และบทลงโทษทางกฎหมาย ผ่านสื่อในพื้นที่ทุกช่องทาง พร้อมแนะนำผู้ขับขี่ให้เตรียมความพร้อมทั้งด้านร่างกาย ยานพาหนะให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ ชำระภาษีรถยนต์ และมีประกันภัยภาคบังคับ หากขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรหยุดพักตามจุดบริการที่จัดไว้ให้ และไม่ควรขับขี่หากมีการดื่มสุราหรือทานยาที่มีฤทธิ์ง่วงซึม
'คืนนี้จะเป็นคืนที่มีการเฉลิมฉลองในหลายพื้นที่ หากที่ใดมีการจัดงานใหญ่ ให้จัดหารถบริการสาธารณะรับ-ส่งประชาชนกลับภูมิลำเนา ส่วนพื้นที่ที่มีการจัดงานฉลองในชุมชนหมู่บ้าน ไม่ควรปล่อยให้ผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงขับรถออกมาข้างนอก และ ด่านชุมชนจะเป็นด่านแรกในการสกัดความเสี่ยง พร้อมให้บริการ และดูแลความปลอดภัย ที่สำคัญให้ผู้ประกอบการร้านค้างดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี หากพบเยาวชนดื่มแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ให้เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับร้านค้า ผู้สนับสนุน และผู้ปกครองตามกฎหมาย' อธิบดี ปภ. กล่าว
ท้ายนี้ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 ขอให้ประชาชนเดินทางด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง หากประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ทางระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 ระบบ iDEMS ที่แจ้งพิกัดผ่าน Video Call สายด่วนกรมการขนส่งทางบก 1584 และสายด่วนศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356 รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 (ตลอด 24 ชั่วโมง) และไลน์ 'ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784' โดยเพิ่มเพื่อน Line ID : @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป







