พณ. ลุย 4 มาตรการด่วน แก้ของแพง-หาตลาดใหม่ กู้ส่งออกไทย-กัมพูชา

พณ. ยกระดับมาตรการด่วนช่วย 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา คุมราคาสินค้าเป็นธรรม ลดค่าครองชีพ พร้อมเร่งหาตลาดใหม่ช่วยผู้ส่งออกและเกษตรกรกู้วิกฤตเศรษฐกิจให้ยั่งยืน
วันนี้ (30 ธ.ค. 68) นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการรับมือสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 โดยระบุว่ากระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ได้ยกระดับมาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการใน 7 จังหวัดชายแดนอย่างเต็มรูปแบบ
ผนึกกำลัง 7 จังหวัดชายแดน ระดมสมองกู้วิกฤตการค้า
จากการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด สภาอุตสาหกรรม และพาณิชย์จังหวัด ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา อาทิ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ และตราด เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบและกำหนดทางออกร่วมกัน
เจาะลึกมาตรการช่วยเหลือ 4 กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ
รัฐบาลได้แบ่งกลุ่มเป้าหมายการช่วยเหลือออกเป็น 4 กลุ่มหลัก เพื่อให้การเยียวยาเข้าถึงจุดที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด ดังนี้:
1. ประชาชนทั่วไป : มุ่งเน้นการคุมราคาสินค้าให้เป็นธรรม ป้องกันการขาดแคลน และจัดงาน "สินค้าราคาประหยัด" เพื่อลดค่าครองชีพ พร้อมส่งเสริมอาชีพเสริมสร้างรายได้
2. เกษตรกรและผู้ผลิตสินค้าเกษตร : เร่งลดต้นทุนการผลิต (ปุ๋ยและปัจจัยการผลิต) พร้อมเปิดช่องทางการตลาดใหม่ เชื่อมโยงสินค้าสู่ตลาดกลาง สหกรณ์ และโรงงานแปรรูปทั่วประเทศ
3. ผู้ค้ารายย่อยและผู้ประกอบการ OTOP : สนับสนุนพื้นที่ขายฟรีนอกเขตขัดแย้ง และทำ Business Matching เชื่อมโยงสินค้ากับโรงแรม ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ
4. ผู้ส่งออก : เร่งหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดเดิม (New Market) พร้อมอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ และรณรงค์การบริโภคสินค้าในประเทศเพื่อพยุงยอดขายระยะสั้น
"รัฐบาลยืนยันว่าจะบูรณาการทำงานทุกภาคส่วน เพื่อบรรเทาผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม โดยเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมุ่งมั่นให้ประชาชนก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างมั่นคง" นางสาวอัยรินทร์ กล่าว
มาตรการเสริม: เติมทุน สร้างงาน ลดรายจ่าย
นอกเหนือจากมาตรการทางการค้า รัฐบาลยังเตรียมอัดฉีด "มาตรการเสริมด้านการเงิน" และการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน รวมถึงมาตรการด้านแรงงานเพื่อรองรับการจ้างงานในพื้นที่ ช่วยให้ฟันเฟืองทางเศรษฐกิจยังคงเดินหน้าต่อไปได้แม้ในช่วงวิกฤต







