เลือกตั้ง ปี 69 หอการค้า คาดเงินสะพัด 6 หมื่นล้าน ดัน GDP พุ่งเกิน 2%

เลือกตั้ง ปี 69 หอการค้า คาดเงินสะพัด 6 หมื่นล้าน ดัน GDP พุ่งเกิน 2%

หอการค้าไทย คาดเลือกตั้งปี 69 เงินสะพัด 6 หมื่นล้าน หนุน GDP ไตรมาสแรกโตเกิน 2% จี้รัฐบาลใหม่แก้นโยบายคอร์รัปชัน-อัปสกิลแรงงาน แทนการแจกเงินระยะสั้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงการเลือกตั้งปี 2569 โดยคาดการณ์ว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 40,000 - 60,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีให้เติบโตได้เกิน 2%

เงินเลือกตั้งสะพัด ดัน GDP ไตรมาส 1 โตเกิน 2%

แม้การเปิดตัวนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองจะยังไม่ชัดเจน แต่นายธนวรรธน์เชื่อว่าการแข่งขันจะดุเดือดอย่างมาก โดยเฉพาะ 3 พรรคการเมืองใหญ่ เนื่องจากมีเวลาหาเสียงจำกัด เม็ดเงินจากการหาเสียงนี้หากรวมเข้ากับปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว จะเป็นตัวตัดสินสำคัญว่าเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปีจะขยายตัวได้มากกว่า 2% หรือไม่

จี้รัฐบาลใหม่ "ปราบคอร์รัปชัน" คือนโยบายเร่งด่วน

หอการค้าไทยเสนอแนะว่า พรรคการเมืองควรให้ความสำคัญกับ "การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน" และการลดทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากเป็นอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศมาอย่างยาวนาน โดยนโยบายที่ควรนำเสนอต้องสะท้อนถึงการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อให้ GDP กลับมาเติบโตในช่วง 3-5% ได้อย่างยั่งยืน

เตือนนโยบายแจกเงิน กระตุ้นได้เพียงระยะสั้น

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยอดฮิตอย่าง "ดิจิทัลวอลเล็ต" หรือ "คนละครึ่ง พลัส" นายธนวรรธน์มองว่า:

  • เป็นมาตรการระยะสั้น : แม้จะได้รับความนิยมแต่ไม่ควรใช้เป็นนโยบายหลักต่อเนื่องยาวนาน
  • ความโปร่งใส : รัฐบาลต้องชี้แจงแหล่งที่มาของเงินให้ชัดเจน
  • วินัยการเงิน : ต้องพิจารณาผลกระทบต่อภาระหนี้สาธารณะของประเทศอย่างรอบคอบ

ชู 3 กลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันไทย

เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ (FDI) หอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลมุ่งเน้นนโยบายในเชิงโครงสร้างมากกว่าการแจกเงิน ได้แก่:

  • โครงสร้างพื้นฐาน : เร่งลงทุนระบบชลประทานและไฟฟ้าให้ครอบคลุม
  • การศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ : เน้นนโยบาย Upskill และ Reskill เพื่อเพิ่มทักษะแรงงานให้ตรงความต้องการตลาด
  • ระวังนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ : การชูนโยบายขึ้นค่าแรงที่สูงเกินไปในการหาเสียง อาจส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในแง่ของต้นทุนการผลิตและความสามารถทางการแข่งขัน

การเลือกตั้งปี 2566 แม้จะช่วยกระตุ้นการบริโภคในระยะสั้น แต่หัวใจสำคัญของการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยคือการแก้ไขปัญหาทุจริตและการเพิ่มศักยภาพแรงงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนในระยะยาว