งบแพทย์ฉุกเฉินไทยต่อหัว 16 บาท ต่ำกว่ามาตรฐานโลก 60 เท่า

งบแพทย์ฉุกเฉินไทยต่อหัว 16 บาท ต่ำกว่ามาตรฐานโลก 60 เท่า

สพฉ.จี้รัฐลงทุน “โครงสร้างพื้นฐานการแพทย์ฉุกเฉิน” รับมือปีใหม่ เผยงบแพทย์ฉุกเฉินไทยต่อหัว 16 บาทต่ำกว่ามาตรฐานโลก 60 เท่าสอนรัฐสนับสนุนระบบกู้ชีพเป็นโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นเทียบเท่าถนน-ไฟฟ้าสร้างหลักประกันความปลอดภัยชีวิตประชาชนลดอัตราการสูญเสียและทุพพลภาพของประชากรได้

 นายไพศาล ก้อนจำปา รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ พร้อมด้วย นางธัญรัตน์ อินทร ผู้อำนวยการกลุ่มสื่อสารการแพทย์ฉุกเฉิน เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกด้านยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการทรัพยากรในช่วงเทศกาลปีใหม่ต่อผู้บริหารสื่อในเครือเนชั่น โดยย้ำว่าระบบการแพทย์ฉุกเฉินคือ“โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ”ในการดูแลชีวิตประชาชน

  • งบแพทย์ฉุกเฉินไทยต่ำกว่ามาตรฐานโลก 60 เท่า

ปัจจุบัน สพฉ. ได้รับงบประมาณกองทุนการแพทย์ฉุกเฉินเฉลี่ยปีละ 1,300 ล้านบาท เมื่อคำนวณตามจำนวนประชากรไทย 66 ล้านคน จะตกเพียง 16 บาทต่อคนต่อปี ต่ำกว่ามาตรฐานโลก 60 เท่า ในขณะที่ประเทศที่มีเต็มรูปแบบมาตรฐานโลก มีการลงทุนสูงถึง 1,000 บาทต่อคนต่อปี  ข้อจำกัดด้านงบประมาณส่งผลกระทบโดยตรงต่อการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานในระดับท้องถิ่น 

ปัจจุบันมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกประมาณ 2,400 แห่ง จากทั้งหมดกว่า 7,000 แห่ง ที่ยังไม่สามารถดำเนินงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินได้ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสูงเกือบ 3 ล้านบาทต่อหน่วย สำหรับการจัดซื้อรถฉุกเฉินและจ้างบุคลากร 6-9 คน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ครอบคลุม 24 ชั่วโมง ทำให้ท้องถิ่นขนาดเล็กส่วนใหญ่เลือกที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านอื่น เช่น ถนนหรือไฟฟ้าแทน

งบแพทย์ฉุกเฉินไทยต่อหัว 16 บาท ต่ำกว่ามาตรฐานโลก 60 เท่า

  • ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล Cloud & AML

อย่างไรก็ตามปัจจุบันสพฉ. นำระบบ Digital Cloud 1669 นำร่องใช้งานแล้วใน 18 จังหวัด เปลี่ยนจากสายโทรศัพท์ทองแดงเป็นระบบ Cloud ที่สามารถขยายตัว (Scale)ได้ไม่จำกัด รองรับสถานการณ์ “สายล้น” ในช่วงเทศกาลด้วยการโอนสายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง และรองรับระบบ Softphone ที่ช่วยให้อาสาสมัครรับสายแจ้งเหตุได้จากทุกที่โดยไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ในศูนย์ปฏิบัติการ

เทคโนโลยีระบุพิกัดอัจฉริยะ (AML) ระบบนี้จะระบุตำแหน่งผู้แจ้งเหตุทันทีที่โทร 1669 โดยมีความแม่นยำในเขตเมืองถึง 5.6 เมตร และแม่นยำในแนวตั้ง (ตึกสูง) ถึง 2.4 เมตร ทำให้เจ้าหน้าที่ทราบพิกัดชั้นของอาคารได้โดยไม่ต้องมีผังดิจิทัล ซึ่งเทคโนโลยีนี้ช่วยลดระยะเวลาการค้นหาผู้ป่วยลงได้เฉลี่ยถึง 4 นาที

Video Call กู้ชีพใช้เทคโนโลยี SMS ส่งลิงก์ให้ประชาชนเปิดกล้องเพื่อสอนการช่วยชีวิตเบื้องต้น เช่นการทำ CPR หรือ การแก้ปัญหาอาหารติดคอ จากข้อมูลเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการใช้งานระบบระบุพิกัดและวิดีโอคอลรวมกันกว่า 55,000 ครั้ง

งบแพทย์ฉุกเฉินไทยต่อหัว 16 บาท ต่ำกว่ามาตรฐานโลก 60 เท่า

  • แผนฉุกเฉิน 9 วันรับมือปีใหม่

สำหรับการรับมือช่วงเทศกาลปีใหม่สพฉ. จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานทรัพยากร (Resource Relocation) โดยทำงานร่วมกับ ปภ. และกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม เป็นเวลา 9 วัน โดยมีการบูรณาการ 3 ฐานข้อมูลหลักคือ ข้อมูลการเจ็บป่วย (สธ.),ข้อมูลอุบัติเหตุ (คมนาคม) และข้อมูลภัยพิบัติ (มหาดไทย) เพื่อวางแผนจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วลงในจุดเสี่ยงล่วงหน้า

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานการลำเลียงทางอากาศ หรือ Sky Doctor ซึ่งมีเครือข่าย 28 หน่วยทั่วประเทศ โดยใช้ทรัพยากรอากาศยานจากกองทัพและกระทรวงต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาล ซึ่งปกติในกรุงเทพฯ รถพยาบาลอาจใช้เวลาเดินทางถึง 20 นาที แต่หากใช้เทคโนโลยี AML และการจัดการที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยบีบระยะเวลาให้สั้นลงกว่าปกติที่ใช้อีก 4 นาที เพื่อรักษา “นาทีทอง” ของผู้ป่วย

นายไพศาลกล่าวทิ้งท้ายว่า “การลงทุนในระบบการแพทย์ฉุกเฉินไม่ใช่แค่การซื้อรถหรือจ้างคน แต่คือการสร้างหลักประกันความปลอดภัยที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของชีวิตประชาชน ซึ่งหากรัฐบาลให้การสนับสนุนที่เพียงพอ เราจะสามารถลดอัตราการสูญเสียและทุพพลภาพของประชากรได้อย่างยั่งยืน”