ทร. ยันชัด! เขื่อนกัมพูชาไม่ใช่เขตแดน ล้ำอธิปไตยไทยต้องรื้อทิ้ง

ทร. ยันชัด! เขื่อนกัมพูชาไม่ใช่เขตแดน ล้ำอธิปไตยไทยต้องรื้อทิ้ง

ทร. ยันเขื่อนกัมพูชาไร้สิทธิ์แบ่งเขตทะเล กางกฎหมาย UNCLOS ป้องอธิปไตยไทย สั่งจับตาผลกระทบชายแดนบ้านหาดเล็ก หากล้ำเส้นพร้อมสั่งรื้อทิ้งทันที!

กองทัพเรือ ชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีเขื่อนกันคลื่นหลักเขต 73 บ้านหาดเล็ก จ.ตราด ยืนยันฝ่ายกัมพูชาสมัครใจรื้อถอนเอง ไม่มีการข่มขู่ พร้อมกางกฎหมายทะเล UNCLOS 1982 ย้ำชัดเขื่อนกันคลื่นไม่ใช่จุดอ้างอิงแบ่งเขตอธิปไตยทางทะเล

วันนี้ (21 ธ.ค. 68) ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พล.ร.ต.กรจักร์ ยศธสาร รองโฆษกกองทัพเรือ (ทร.) ได้แถลงความคืบหน้ากรณีการรื้อถอนเขื่อนกันคลื่นบริเวณหลักเขต 73 ชายแดนบ้านหาดเล็ก จังหวัดตราด เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชน

ยันกัมพูชารื้อเขื่อนเอง ไร้การข่มขู่จากทัพเรือไทย

พล.ร.ต.กรจักร์ ยืนยันว่า กองทัพเรือไม่ได้มีการยื่นข้อเสนอหรือใช้มาตรการข่มขู่ให้ฝ่ายกัมพูชารื้อถอนเขื่อนกันคลื่นดังกล่าว แต่เป็นการดำเนินการที่เกิดขึ้นหลังจากการประสานงานและทักท้วงตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบว่าการปฏิบัติไม่เป็นไปตามความต้องการ หรือกระทบต่อผลประโยชน์ชาติ จะดำเนินการตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนักต่อไป

กางกฎหมายทะเล UNCLOS 1982 : "เขื่อนกันคลื่น" ไม่ใช่ "เขตอธิปไตย"

ในเชิงข้อกฎหมาย กองทัพเรือได้อ้างอิง อนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทะเลปี ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) มาตรา 11 ซึ่งระบุสาระสำคัญไว้ดังนี้:

  • สิ่งปลูกสร้างถาวร : หากเป็นส่วนหนึ่งของระบบท่าเรือที่แยกไม่ได้ ให้ถือว่าเป็นชายฝั่งและใช้เป็นจุดอ้างอิงแบ่งทะเลอาณาเขตได้
  • สถานะเขื่อนกันคลื่น : สำหรับกรณีนี้ ทร. ย้ำว่าเขื่อนกันคลื่นของกัมพูชา ไม่สามารถ นำมาใช้อ้างอิงในการแบ่งเขตอาณาเขตทางทะเล ไหล่ทวีป หรือเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ระหว่างประเทศได้

ย้อนรอยปมขัดแย้งตั้งแต่ปี 2540

โครงการดังกล่าวเริ่มสร้างโดยเอกชนกัมพูชาในปี 2540 ซึ่งมีการสร้างทั้งเขื่อนกันคลื่นและท่าเรือ โดยกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กปจ.ชต.) ได้ทักท้วงมาโดยตลอด:

  1. มิถุนายน 2541 : ไทยขอให้ยุติการสร้างท่าเรือ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายอมหยุด แต่ยังคงสร้างเขื่อนกันคลื่นต่อ
  2. การประท้วงทางการทูต : กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหนังสือทักท้วงในปี 2541 และอีกครั้งในปี 2564 เพื่อเป็นหลักฐานทางกฎหมาย ป้องกันไม่ให้กัมพูชานำเรื่องขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในอนาคต

ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและความมั่นคง

แม้เขื่อนดังกล่าวจะไม่กระทบต่อเส้นเขตแดนโดยตรงในขณะนี้ แต่ส่งผลกระทบด้าน อุทกศาสตร์

  • กระแสน้ำเปลี่ยนทิศ : ทำให้เกิดการทับถมของตะกอนในฝั่งกัมพูชา แต่เกิดการกัดเซาะชายฝั่งในฝั่งบ้านหาดเล็ก จ.ตราด

การเฝ้าระวัง : ทร. จะเข้าตรวจสอบว่าการเปิดช่องเขื่อนของกัมพูชาล่าสุด ช่วยลดปัญหาการกัดเซาะได้จริงหรือไม่ และหากพบว่ามีส่วนใดล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยไทย กัมพูชาจะต้องทำลายส่วนที่ล้ำนั้นออกไปทั้งหมด

"ปัจจุบันยังไม่ถึงขั้นต้องใช้กำลังทหาร เพราะสถานะยังไม่กระทบความมั่นคงโดยตรง เราจึงเน้นกระบวนการประท้วงและเจรจาตามขั้นตอนสากล" พล.ร.ต.กรจักร์ กล่าวทิ้งท้าย