คุก 8 เดือน 'ร.ท.-จ.ส.ท.' ซ่อม 'ทหารเกณฑ์' จนป่วยตาย ในค่ายทหาร

ศาลคดีทุจริตฯภาค 5 สั่งจำคุก 'ร้อยโท-จ.ส.ท.' คนละ 1 ปี ลดโทษเหลือ 8 เดือน คดีซ่อม 'ทหารเกณฑ์' จนเจ็บป่วย ติดเชื้อในกระแสเลือด เสียชีวิตในค่ายทหาร
KEY
POINTS
- ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 5 พิพากษาจำคุกนายทหารยศร้อยโทและจ่าสิบโท คนละ 8 เดือน
- จากกรณีสั่งลงโทษ (ซ่อม) ทหารเกณฑ์เกินกว่าเหตุ ด้วยการให้ออกกำลังกายเป็นเวลานานและนอนนอกเรือนนอนในสภาพอากาศหนาวเย็น
- เป็นเหตุให้พลทหารนายดังกล่าวป่วยด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 อ่านคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 5 เป็นโจทก์ น.ส.แก้วกัญญา แซ่ลี ภริยาของผู้ตาย เป็นโจทก์ร่วมที่ 1 และนายสุวิทย์ เวียงบรรพต บิดาของผู้ตาย เป็นโจทก์ร่วมที่ 2 ยื่นฟ้อง นายทหารยศร้อยโท (ผู้ฝึกทหารเกณฑ์) เป็นจำเลยที่ 1 และเจ้าหน้าที่ทหารยศจ่าสิบโท (ครูนายสิบฝึกทหารเกณฑ์) จำเลยที่ 2 ความผิดต่อพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 มาตรา 6, 36 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
โดยพฤติการณ์ตามฟ้องสรุปว่า ขณะเกิดเหตุเดือน ก.ค. 2566 เวลากลางคืน ครูนายสิบตรวจพบทหารเกณฑ์หลายคนนำบุหรี่มาสูบ ซึ่งผิดกฎระเบียบข้อห้ามสำหรับทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) จำเลยที่ 1 ซึ่งรู้เห็นและอนุญาตให้จำเลยที่ 2 สั่งลงโทษพลทหารทั้งหมวดซึ่งมีพลทหารกิตติธร ผู้ตายรวมอยู่ด้วย โดยให้ทำท่าออกกำลังกาย (ท่าพีที) ตั้งแต่เวลา 19.30-20.00 น. ซึ่งนานเกินสมควร
และยังสั่งให้พลทหารหมวดฝึกทุกคนนอนนอกเรือนนอนทั้งคืนในสภาพผู้ตายเสื้อผ้าเปียกชื้นบางคนไม่มีเครื่องนอนปกคลุมร่างกายในสภาพอากาศที่ขณะนั้นหนาวเย็นกว่าปกติเพราะมีฝนตกช่วงกลางวัน อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบคำสั่งของกองทัพ เรื่องการลงทัณฑ์ทหารที่กระทำความผิด ปรังปรุงวินัยและการออกกำลังกาย ลงวันที่ 14 มิ.ย.2566 เรื่องกำหนดเวลาที่ให้ผู้ฝึกทหารใหม่สามารถสั่งลงโทษด้วยการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ได้ครั้งละไม่เกิน 12 ท่า 12 นาที และต้องไม่มีการซ่อมวินัย และงดให้ออกกำลังกายอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน ตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00-21.00 น.
โดยพลทหารผู้ตายเจ็บป่วยและถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุติดเชื้อในกระแสเลือด เหตุเกิดที่ จ.เชียงราย ชั้นพิจารณา จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
โดยคำพิพากษาของศาลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 สรุปประเด็น ดังนี้
1. โจทก์ร่วมที่ 1 ในฐานะภริยาของผู้ตาย และโจทก์ร่วมที่ 2 ในฐานะบิดา ซึ่งเป็นบุพการีของผู้ตาย เป็นผู้เสียหายตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ มาตรา 3 มีสิทธิขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการได้
2. จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ พยานโจทก์ 4 ปากและโจทก์ร่วมทั้งสอง เบิกความยืนยันและให้การข้อเท็จจริงถึงส่วนที่ตนรู้เห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองโดยละเอียด ไม่มีข้อพิรุธ ซึ่งในส่วนของคำเบิกความโจทก์ร่วมที่ 1 ที่ฟังจากคำบอกเล่าของผู้ตายเกี่ยวกับการลงโทษนั้น มีลักษณะเป็นการบอกกล่าวสารทุกข์สุขดิบให้คู่ชีวิตรับรู้ถึงความยากลำบากระหว่างการฝึก ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยว่าจะใส่ร้ายจำเลยทั้งสอง และโจทก์กับโจทก์ร่วมยังมีพยานเอกสารเป็นกระดาษเขียนข่าว ลงวันที่ 14 มิ.ย.2566 ซึ่งเป็นระเบียบคำสั่งของกองทัพบกเรื่องการลงทัณฑ์ทหารที่กระทำความผิดฯ ได้กำหนดไม่ให้ใช้การลงโทษในลักษณะรวมการ และที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายแก่ร่างกาย
ซึ่งคำให้การของจำเลยทั้งสองมีส่วนที่เจือสมกับพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วม โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายยังมีสภาพร่างกายปกติ และอยู่ในค่ายตลอดเวลา แต่หลังจากลงโทษเพียง 2 วัน ผู้ตายกลับเริ่มมีอาการเจ็บป่วย ติดเชื้อแบคทีเรียเป็นโรคไข้ดิน กระทั่งถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุ 9 วัน การลงโทษและการเจ็บป่วยจึงมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน ซึ่งแพทย์ผู้รักษาผู้ตายได้เบิกความเกี่ยวกับอาการของโรคที่สัมพันธ์กับพฤติการณ์ของผู้ตายที่ถูกลงโทษ
พยานหลักฐานจำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง ข้อเท็จจริงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำ การที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามฟ้อง
จึงพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 36 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 1 ปี โดยทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุกคนละ 8 เดือน
โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสองระหว่างอุทธรณ์ โดยมีหลักประกันวงเงินคนละ 60,000 บาท ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร







