ยึดไม้ลักลอบตัดจากเขตอุทยานแห่งชาติ คาโรงไม้ มูลค่า 300 ล้าน

ยึดไม้ลักลอบตัดจากเขตอุทยานแห่งชาติ คาโรงไม้ มูลค่า 300 ล้าน

DSI ร่วมกับกรมอุทยานฯ ยึดไม้ลักลอบตัดจากเขตอุทยานแห่งชาติ คาโรงไม้นายทุนจีน จ.หนองคาย มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

กรณี DSI ร่วมกับกรมอุทยานฯ ยึดไม้ลักลอบตัด จากเขตอุทยานแห่งชาติ คาโรงไม้นายทุนจีน จ.หนองคาย มูลค่ากว่า 300 ล้าน

วานนี้ นายศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายพัฒน์พงษ์ สมิตติพัฒน์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณี DSI ร่วมกับกรมอุทยานฯ ยึดไม้ลักลอบตัดจากเขตอุทยานแห่งชาติในโกดังโรงไม้นายทุนจีน จังหวัดหนองคาย มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการแจ้งเบาะแสว่ามีการลักลอบตัดไม้ ในเขตอุทยานแห่งชาติในเขตภาคเหนือ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้สั่งการให้กองกิจการอำนวยความยุติธรรมทำการสืบสวนเป็นเลขสืบสวนที่ 114/2568 โดยเจ้าหน้าที่กองกิจการอำนวยความยุติธรรมได้สืบสวนร่วมกับเจ้าหน้ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พบว่ามีรถบรรทุกสิบล้อดำเนินการขนไม้เถื่อนผิดกฎหมาย

จากการลักลอบตัดจากพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในจังหวัดเชียงใหม่ แพร่ ลำปาง และจังหวัดอื่น ๆ ทางภาคเหนือ ส่งเข้ามายังโกดังของบริษัทในตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ซึ่งทั้งมีสองบริษัทตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน โดยเมื่อรถบรรทุกขนส่งไม้ดังกล่าวมาถึงจะทำการแปรรูปไม้โดยทันที

และออกเอกสารที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายไม้ และส่งออกไม้ดังกล่าวไปยังต่างประเทศ โดยมีรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เข้ามารับไม้ยังภายในโกดังและนำส่งต่อไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และไม้บางส่วนจะถูกขนส่งต่อไปยังโกดังในจังหวัดฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย และเจ้าหน้าตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 นำหมายค้นของศาลจังหวัดหนองคาย เลขที่ ค193/2568 และเลขที่ ค194/2568 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2568 เข้าทำการตรวจค้นโกดังของทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว โดยจากการตรวจค้นบริษัท พบสาวไทยสองคนเป็นคนบริหารจัดการภายในบริษัท ดำเนินกิจการรับซื้อแปรรูปไม้และส่งออกมาแล้วเป็นเวลาประมาณ 1 ปี อยู่ระหว่างขออนุญาตโรงงานแปรรูปไม้ด้วยแรงคน

และจากการตรวจค้นอีกบริษัทจำกัด พบชายสัญชาติจีน ชาวเวียดนาม จำนวน 2 คน และชาวลาว จำนวน 8 คน เจ้าของโกดังและเป็นคนดำเนินงานภายในโกดังทั้งหมด โดยบริษัทเป็นผู้จัดทำเอกสารและดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกให้

 

นอกจากนี้คณะพนักงานสืบสวนฯ ได้บูรณาการร่วมกับ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ทำการสกัดจับรถยนต์บรรทุกหัวลากพร้อม ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นไม้ที่เคลื่อนย้ายออกจากโกดังของบริษัทฯ ดังกล่าวในคืนวันที่ 12 ธันวาคม 2568 จากการเปิดตู้พบ ไม้ประดู่แปรรูป จำนวนมาก จึงได้ทำการควบคุมผู้ขับขี่และรถนำกลับมาที่โกดัง

ซึ่งจากการตรวจนับและจัดทำรายละเอียดบัญชีไม้ของกลาง พบว่า มีไม้จำนวนประมาณ 350 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท และจากการตรวจสอบย้อนหลังพบว่ากลุ่มขบวนการที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีการลักลอบนำไม้หวงห้ามส่งออกไปยังต่างประเทศมาก่อนหน้านี้แล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 4,000 ล้านบาท