บกปภ.ช. ถกด่วนรับมือ 'ฝนถล่มใต้' รอบใหม่ 11-16 ธ.ค. ฟื้นฟูหาดใหญ่ คืบหน้า 75%

อัปเดตล่าสุด 'ฟื้นฟูหาดใหญ่' คืบหน้าแล้วกว่า 75% บกปภ.ช. ถกด่วน! เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ ฝนถล่มหนักภาคใต้ ในช่วงวันที่ 11-16 ธ.ค. 68
อัปเดต 'น้ำท่วมภาคใต้' ล่าสุด วันนี้ (11 ธ.ค. 68) นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (อธิบดี ปภ.) ในฐานะเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ รับมอบหมายจากผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้
โดยมีผู้บริหารกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานการสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ทั้ง 18 ส่วนงาน ร่วมประชุม ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และสงขลา โดยในส่วนของ จ.สงขลา ยังคงมีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 4 อำเภอ ได้แก่ ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ และสิงหนคร ซึ่งภาพรวมระดับน้ำลดลง
ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการระดมกำลังพลรวมกว่า 2,951 นาย เครื่องจักรกลและอุปกรณ์รวม 575 รายการ ขนขยะไปทิ้งรวม 83,585 ตัน และทำความสะอาดถนนเป็นระยะทางรวม 294.45 กิโลเมตร คืบหน้ารวมคิดเป็น 74.68% ซึ่งจากการคาดการณ์คาดว่า ภารกิจฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย '7 วันประชาชนได้กลับบ้าน 14 วันหาดใหญ่ต้องสะอาด' จะแล้วเสร็จตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งการ
โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการประกาศลดระดับเป็นภัยระดับ 2 และส่งมอบพื้นที่ให้กับจังหวัดสงขลาในการบริหารจัดการสถานการณ์ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งทางจังหวัดได้เตรียมแผนในการดำเนินงานอย่างเป็นระบบหลังจากที่หน่วยงานต่าง ๆ เสร็จสิ้นภารกิจและส่งมอบพื้นที่ให้กับจังหวัดแล้ว โดยได้วางแผนให้หน่วยงานในพื้นที่ อาทิ มณฑลทหารบกที่ 42 หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ และมีองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เทศบาลนคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้สนับสนุนทรัพยากรเครื่องจักรกลในการปฏิบัติงาน
อธิบดี ปภ. กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน การฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยคืบหน้าไปได้มาก มีการทำความสะอาดพื้นที่และขนขยะไปทิ้งเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการบริหารจัดการขยะจึงเป็นสิ่งสำคัญ กลไกการจัดการขยะต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทางจังหวัดได้วางแผนบริหารจัดการขยะไว้เรียบร้อย มีการขนย้ายขยะไปยังจุดพักขยะและเร่งเดินเครื่องเผาขยะอย่างเต็มที่ ในส่วนของกลิ่นได้มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ สารขจัดกลิ่นเหม็นเป็นระยะ รวมถึงมีการขุดลอกและทำรางรองรับน้ำขยะที่จุดพักขยะเพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดน้ำเสียต่อไป
อีกประเด็นที่สำคัญคือ การดูแลสุขภาพของประชาชน โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยโรคฉี่หนูเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางหน่วยงานด้านสาธารณสุขมีการคัดกรอง เฝ้าระวัง และเร่งกระจายยา Doxycycline ให้ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเร่งแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ยารักษาโรคน้ำกัดเท้าและโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนส่งทีม MCATT ลงพื้นที่ชุมชนเพื่อดูแลสุขภาพจิตของผู้ประสบภัย ติดตามอาการผู้ที่มีภาวะเสี่ยงเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนจะได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและทั่วถึง
สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมาก ในช่วงวันที่ 11-16 ธ.ค. 68 หน่วยงานด้านการพยากรณ์คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 11-12 ธ.ค. 68 ในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ในส่วนของพัทลุงและสงขลาตอนบนจะมีฝนตกในระดับปานกลางถึงหนัก
ส่วน จังหวัดสงขลา มีแนวโน้มเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ในช่วงวันที่ 13-16 ธ.ค. 68 ส่วนหลังวันที่ 14 ธ.ค. 68 เป็นต้นไป กลุ่มฝนจะเริ่มเคลื่อนตัวลงสู่ภาคใต้ตอนล่างในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
ทั้งนี้ ลักษณะของฝนที่ตกในช่วงนี้จะเป็นลักษณะของกลุ่มฝนที่ตกแล้วจะเคลื่อนตัวผ่านไป ไม่ใช่ฝนตกแช่เหมือนที่ผ่านมา จึงจะไม่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนักเหมือนที่ผ่านมา แต่อาจเกิดน้ำท่วมขังเล็กน้อยในบางพื้นที่ จากการที่ขยะเข้าไปอุดตันท่อระบายน้ำ ซึ่งในส่วนของจังหวัดสงขลาได้มีการเตรียมพร้อมรับมือโดยได้ใช้กลไกของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอเป็นหลักในการบริหารจัดการสถานการณ์ และได้มีการเตรียมแผนเผชิญเหตุ แผนอพยพ มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนและกำหนดผู้รับผิดชอบในการช่วยเหลือประชาชนอย่างชัดเจน เพื่อให้การเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด
'ในส่วนของการแจ้งเตือนประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะใช้ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาในการประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ พร้อมส่งข้อความแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งนี้ เพื่อให้การแจ้งเตือนภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด หากทางจังหวัดตรวจสอบพบความเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ ขอให้จังหวัดประสานมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยส่งข้อความแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนทันที' อธิบดี ปภ. กล่าวย้ำ







