ลั่นไทยไม่ใช่ที่พักอาชญากร สกัดจับแก๊งต่างชาติหนีกวาดล้าง เข้าเมืองล็อตใหญ่

ตำรวจลั่นไทยไม่ใช่ที่พักอาชญากร สกัดจับแก๊งต่างชาติหนีกวาดล้าง เข้าเมืองล็อตใหญ่ ใช้กลไก NRM คัดแยกเข้มข้น เพื่อความมั่นคงของชาติ
กรณีตำรวจลั่นไทยไม่ใช่ ที่พักอาชญากร สกัดจับ แก๊งต่างชาติ หนีกวาดล้าง เข้าเมืองล็อตใหญ่
วันนี้ (8 ธันวาคม 2568) พล.ต.ต.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยล่าสุดได้ยกระดับความเข้มงวดตลอดแนวชายแดนเพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่อาจนำไปสู่ปัญหาสังคมและอาชญากรรมต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายทหารในพื้นที่จังหวัดตาก ปฏิบัติการด้านการข่าวเชิงลึกและเข้าสกัดจับกุมกลุ่มบุคคลต่างด้าวจำนวนมากถึง 45 ราย ขณะพยายามลักลอบข้ามพรมแดนธรรมชาติเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบข้อมูลที่น่าจับตาว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวให้การรับสารภาพถึงสาเหตุการหลบหนีเข้ามา ว่าเกิดจากสถานการณ์ความไม่สงบและการระดม กวาดล้างฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างหนักจากรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้พยายามใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่หลบภัย หรืออาจแฝงตัวเข้ามาเพื่อตั้งฐานการกระทำผิดใหม่ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติตระหนักถึงภัยคุกคามนี้เป็นอย่างดี
พล.ต.ต.จตุรภัทร์ฯ กล่าวเน้นย้ำถึงกรณีนี้ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่นิ่งเฉยต่อภัยคุกคามใด ๆ ที่จะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะการที่กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติจะใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งกบดาน หลบหนีคดี หรือใช้เป็นทางผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ผนึกกำลังกับหน่วยงานความมั่นคงทุกภาคส่วนเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ผู้ที่ลักลอบเข้ามาทุกรายจะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายที่เข้มงวด โดยจะนำ “กลไกการส่งต่อระดับชาติ” (National Referral Mechanism หรือ NRM) มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการคัดกรองบุคคล เพื่อแยกแยะว่าใครคือ “เหยื่อจากการค้ามนุษย์” ที่ต้องได้รับการคุ้มครอง และใครคือ “ผู้กระทำผิดหรืออาชญากร” ที่แฝงตัวมา ซึ่งหากพบว่าเป็นผู้กระทำผิด จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดและผลักดันออกนอกประเทศทันทีที่สิ้นสุดคดี
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงมาตรการเชิงรุกว่า นอกจากการจับกุมซึ่งหน้าแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อให้ทราบถึงผู้บงการและเครือข่ายผู้นำพาที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ ตลอดจนตัดวงจรการขนย้ายคนผิดกฎหมายให้สิ้นซาก พร้อมทั้งได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มข้นในการคัดกรองบุคคลทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยเพ่งเล็งไปที่การเฝ้าระวังขบวนการปลอมแปลงเอกสารและการสวมสิทธิ์บัตรประชาชน ซึ่งมักเป็นอาชญากรรมที่ตามมาจากการลักลอบเข้าเมือง ทั้งนี้ ทางการไทยได้มีการประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เท่าทันต่อแผนประทุษกรรมของอาชญากรข้ามชาติในยุคปัจจุบัน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่ หากท่านพบเห็นกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย การเช่าที่พักอาศัยที่ผิดสังเกต หรือความเคลื่อนไหวที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบเข้าเมืองและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โปรดแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1599 หรือ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ข้อมูลของท่านจะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถกวาดล้างอาชญากรเหล่านี้ เพื่อความสงบสุขและความปลอดภัยของสังคมไทยและในภูมิภาคต่อไป







