ศรีสะเกษ สั่งอพยพ 12 ตำบลชายแดน เขาพระวิหาร-ภูมะเขือ แม้เสียงปืนสงบ

ศรีสะเกษ สั่งอพยพ 12 ตำบลชายแดน เขาพระวิหาร-ภูมะเขือ แม้เสียงปืนสงบ

ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ สั่งอพยพ 12 ตำบล ใน อ.กันทรลักษ์ โซนสีแดงและสีเหลือง แม้เหตุปะทะไทย-กัมพูชาจะยุติแล้ว พร้อมเปิดศูนย์พักพิงรองรับประชาชนที่เร่งอพยพหนีภัย

วันนี้ (7 ธ.ค. 68) นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่ "สีแดง" และ "สีเหลือง" รวม 12 ตำบล ตามแนวชายแดนเขาพระวิหาร-ภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา แม้สถานการณ์จะสงบลงแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามแผนอพยพที่เตรียมไว้ ขณะที่ประชาชนในจังหวัดใกล้เคียงอย่างบุรีรัมย์ อุบลราชธานี และสุรินทร์ ก็เร่งอพยพออกจากพื้นที่ชายแดนเช่นกัน

ศรีสะเกษสั่งอพยพ 12 ตำบล ชายแดนกันทรลักษ์

ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษเปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง โดยได้สั่งการให้นายอำเภอกันทรลักษ์แจ้งอพยพชาวบ้านในพื้นที่ "โซนสีแดง" 7 ตำบล และ "โซนสีเหลือง" 5 ตำบล ดังนี้ :

  • พื้นที่โซนสีแดง (7 ตำบล) : ต.เสาธงชัย, ต.รุง, ต.ละลาย, ต.ภูผาหมอก, ต.ชำ, ต.บึงมะลู, และ ต.โนนสำราญ
  • พื้นที่โซนสีเหลือง (5 ตำบล) : ต.เมือง, ต.ทุ่งใหญ่, ต.เวียงเหนือ, ต.ขนุน, ต.สังเม็ก (เฉพาะ หมู่ 4 และหมู่ 20)

สำหรับ อ.ขุนหาญ และ อ.ภูสิงห์ ยังคงรอสัญญาณจากกองทัพภาคที่ 2

ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษย้ำว่า "ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะเรามีแผนอพยพจากต้นทางไปยังปลายทางที่ชัดเจน...ขอให้เชื่อมั่นในระบบราชการของ จ.ศรีสะเกษ ที่มีแผนอพยพที่ชัดเจนอยู่แล้ว" พร้อมเน้นย้ำข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ดูแลด้านความปลอดภัย อาหาร และที่พัก โดยศูนย์อพยพปลายทางได้เปิดรองรับไว้พร้อมแล้ว

เหตุปะทะล่าสุด - ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เมื่อทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงใส่ทหารไทย บริเวณ ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย แม้ขณะนี้สถานการณ์การยิงปะทะจะยุติลงแล้ว แต่ฝ่ายความมั่นคงยังคงมีคำสั่งให้ประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อพยพไปยังศูนย์พักพิงหรือสถานที่ปลอดภัยที่ทางราชการจัดเตรียมไว้รองรับ เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอน

ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจาก กองทัพบก และ กองทัพภาคที่ 2 เท่านั้น และขอให้เชื่อมั่นในระบบราชการที่พร้อมดูแลประชาชนอย่างเต็มที่เสมอเหมือนครอบครัว

ด้านเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลตำบลน้ำยืน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสาธารณสุข ช่วยกันเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและกลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่เขตเทศบาลตำบลน้ำยืนและพื้นที่ใกล้เคียง

หลังได้รับการแจ้งเตือนให้อพยพออกจากพื้นที่ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ขณะที่การจราจรถนนเดชอุดมน้ำยืน มีปริมาณรถของประชาชนที่ออกมาจาก อ.น้ำยืน หนาแน่นตลอดทั้งสาย ส่วนใหญ่จะมีเครื่องใช้ ข้าวสาร ติดรถมา ที่ศูนย์อพยพของตนเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสถานีตำรวจภูธรเดชอุดม คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณแยกท่าโพธิ์ศรี และจุดที่เป็นคอขวด