รถเมล์ EV มาแน่! ขสมก. ดันค่าโดยสารถูกลง เพิ่มเส้นทางเชื่อมรถไฟฟ้า

รถเมล์ EV มาแน่! ขสมก. ดันค่าโดยสารถูกลง เพิ่มเส้นทางเชื่อมรถไฟฟ้า

รมว.คมนาคม เร่งปฏิรูป ขสมก. เตรียมนำรถเมล์ไฟฟ้า (EV) ชุดใหม่วิ่งปี 69 หวังลดต้นทุน 70% พร้อมเพิ่มเส้นทางเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า ย้ำประชาชนต้องเดินทางสะดวก ปลอดภัย ประหยัด

วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศเดินหน้าปฏิรูปองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) อย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายหลักคือ "ยกระดับบริการรถเมล์ให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และในราคาที่เข้าถึงได้จริง"

นโยบายสำคัญที่ นายพิพัฒน์มอบให้ ขสมก. เร่งดำเนินการ คือโครงการจัดหารถโดยสารประจำทางปรับอากาศใช้พลังงานสะอาด (EV) ชุดใหม่ในปี 2569 ซึ่งคาดว่าจะสามารถ ลดค่าเชื้อเพลิงและค่าซ่อมบำรุงได้กว่า 70% ส่งผลให้ต้นทุนการเดินรถลดลงอย่างมหาศาล และสามารถนำทรัพยากรไปพัฒนาบริการ เพิ่มความถี่ของรถ ลดเวลารอ และทำให้ระบบขนส่งมวลชนสะอาดปลอดมลพิษ

รถเมล์ EV มาแน่! ขสมก. ดันค่าโดยสารถูกลง เพิ่มเส้นทางเชื่อมรถไฟฟ้า

เชื่อมต่อรถไฟฟ้า : กุญแจสู่การเดินทางแบบไร้รอยต่อ

นอกจากการลดต้นทุนด้วยรถเมล์ไฟฟ้าแล้ว นายพิพัฒน์ยังเน้นย้ำเรื่องการปรับปรุงและเปิดเส้นทางใหม่ เพื่อ เชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าและระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ให้เกิดการเดินทางแบบ "ไร้รอยต่อ" (Seamless Journey) ลดการต่อรถหลายรอบ และช่วยลดค่าใช้จ่ายรวมต่อวันของประชาชน

“รถเมล์ต้องเป็นตัวเชื่อมระบบรางอย่างแท้จริง เพื่อให้การเดินทางของประชาชนสะดวกและประหยัดที่สุด” - นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ

แก้ปัญหาหนี้สินระยะยาว : จัดหาที่ดินอู่รถของรัฐ

เพื่อแก้ปัญหาค่าเช่าอู่สูง ซึ่งเป็นภาระต้นทุนสำคัญที่สะสมมายาวนาน นายพิพัฒน์ระบุว่า รัฐบาลจะเร่งศึกษาทางออกเพื่อจัดหาที่ดินของรัฐสำหรับเป็นอู่รถระยะยาว หรือจัดสรรงบลงทุนเพื่อให้ ขสมก. มีทรัพย์สินของตนเอง ลดการพึ่งพาการเช่าพื้นที่ราคาแพงจากเอกชน

นอกจากนี้ ยังมอบนโยบายให้ ขสมก. พิจารณามาตรการ หารายได้ด้วยตนเอง ควบคู่กับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร ลดการขาดทุนในระยะยาว และสุดท้ายคือ "กลับมาช่วยลดภาระของประชาชน"

การปฏิรูป ขสมก. ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการเข้าพบนายพิพัฒน์ของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) ในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ณ กระทรวงคมนาคม โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนที่ต้องใช้บริการรถเมล์