น้ำท่วมภาคใต้ ในวิกฤตต้องผ่านไปให้ได้

เกาะติดน้ำท่วมหาดใหญ่ มหาอุทกภัยภาคใต้ ในวิกฤตต้องผ่านไปให้ได้
เปิดประเด็น เกาะติด น้ำท่วมหาดใหญ่ มหาอุทกภัยภาคใต้ ในวิกฤตต้องผ่านไปให้ได้
การระดมสรรพกำลังภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวมพลังคนไทยช่วยเหลือพี่น้องภาคใต้ประสบภัยฝนตกหนักเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมไปถึงอีก 8 จังหวัด อย่าง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบ 9.8 แสนครัวเรือน หรือเดือดร้อนกว่า 2.7 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต 18 ราย ด้วยความห่วงใยว่าการสูญเสียจะไม่เพิ่มไปกว่านี้
ท่ามกลางฝนตกและปริมาณน้ำลดลงบ้าง ยังเฝ้าติดตามฝนตกหนัก ซึ่งคาดการณ์ว่า ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงได้เคลื่อนออกไปปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา
ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ภาคใต้ตอนล่างยังคงต้องระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ฝนที่ตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สัปดาห์หน้า ภาคใต้จะมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง
กล่าวสำหรับ สถานการณ์มหาอุทกภัย น้ำท่วมภาคใต้ ในวิกฤตครั้งนี้ คนไทยต้องผ่านไปให้ได้
ประการแรก ต้องยอมรับความจริงก่อนว่า ช่วงแรกที่ฝนตกน้ำท่วมในพื้นที่คาดการณ์น่าจะรับมือได้ แต่ฝนตกหนักมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้น การระดมกำลังทหารและความช่วยเหลือเกิดขึ้นตามลำดับ
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะเป็นเรื่องการถอดบทเรียนน้ำท่วมภาคใต้ช่วงปลายปีของทุกปีใหม่หมด เพราะการรับมือและตระหนักรู้ของทุกภาคส่วนของสังคม
ประการที่สอง ภัยพิบัติน้ำท่วม คนไทยประสบทุกปี การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าคือต้องแจ้งข่าวหรือเตือนภัยให้เร็วกว่านี้ เพื่อการเฝ้าระวังและอพยพได้ทันท่วงที เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย
ประการที่สาม การแก้ปัญหาระยะกลาง โครงสร้างการดูแลจัดการน้ำของพื้นที่ภาคใต้ต้องทบทวนและแก้ไข เราคงเห็นแล้วว่าถ้ารัฐบาลเกิดความไม่ต่อเนื่องในบริหาร คงหวังพึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องเห็นความสำคัญกำหนดแผนรับมือช่วงมรสุมช่วงสิ้นปีเป็นวาระสำคัญ
ประการที่สี่ การช่วยเหลือประชาชนช่วงเกิดวิกฤต จะเห็นว่าการลงพื้นที่ของทุกภาคส่วน ช่วยอพยพผู้ประสบภัย การนำน้ำดื่มพร้อมอาหาร ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อความอยู่รอดเฉพาะหน้า ต้องหามาตรการหรือมีหน่วยงานมีความพร้อมทันทีในการจัดหาให้ทันเหตุการณ์
ประการสุดท้าย ยามวิกฤตมักคนฉวยโอกาสเป็น มิจฉาชีพหลอกโอนเงิน หลอกลวงรับบริจาค แม้ว่าตำรวจจะแจ้งเตือนไม่แชร์ข้อมูลเท็จสร้างความตื่นตระหนก ตรวจสอบแหล่งที่มาของภาพและข้อมูลก่อนส่งต่อทุกครั้ง เพราะการนำภาพน้ำท่วมเก่า ภาพตัดต่อ หรือข้อมูลระดับน้ำที่เป็นเท็จมาเผยแพร่ จะสร้างความสับสนและตื่นตระหนก
การโพสต์ขอรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสื่อสังคมออนไลน์ โดยมิจฉาชีพมักจะนำภาพความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยจากข่าวหรือสื่ออื่น มาสวมรอยใส่เลขที่บัญชีธนาคารของตนเองหรือบัญชีม้า อ้างว่าเป็นบัญชีของอาสาสมัคร กู้ภัย หรือผู้เดือดร้อนโดยตรง
เรื่องนี้ ตำรวจต้องจัดการให้เป็นเยี่ยงอย่าง ตามความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จโดยทุจริตหรือหลอกลวง
อย่างไรก็ตาม มหาภัยพิบัติน้ำท่วมภาคใต้ สะท้อนว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน และเราต้องวางแผนรับมือภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น เพราะโลกร้อนที่ไม่เหมือนเดิม สภาพอากาศแปรปรวนสุดขั้ว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :







