น้ำท่วมภาคใต้ ล่าสุด 5 จังหวัด ยังอ่วม เจอ 'ฝนถล่มหนัก' ปภ. เตือนดินถล่ม

วันนี้ (20 พ.ย. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยล่าสุด โดยพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโน้มระดับน้ำทรงตัวและลดลง ขณะที่พื้นที่ภาคใต้ยังคงเผชิญกับสถานการณ์ฝนตกหนักและฝนตกแช่อย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่

สถานการณ์น้ำท่วม 12 จังหวัดภาคเหนือ-กลาง-อีสาน : ระดับน้ำลดลง

นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยจากน้ำไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งใน 12 จังหวัด ยังคงมีอยู่ โดยครอบคลุมพื้นที่ 52 อำเภอ 435 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 133,134 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิต 25 ราย

จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์ : พิษณุโลก, นครสวรรค์, อุทัยธานี, สิงห์บุรี, ชัยนาท, อ่างทอง, สุพรรณบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, นนทบุรี, นครปฐม และอุบลราชธานี

แนวโน้ม : ส่วนใหญ่ระดับน้ำลดลง จะมีเพียง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

การช่วยเหลือ : ปภ. ยังคงดำเนินการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ทั้งการระบายน้ำ การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และการเสริมคันกั้นน้ำชั่วคราว

ภาคใต้เผชิญวิกฤตฝนหนัก-คลื่นลมแรง เตือน 3 จังหวัดเฝ้าระวัง

สถานการณ์ในภาคใต้มีความรุนแรงขึ้นจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรง ทำให้เกิดฝนตกหนักมากระหว่างวันที่ 17 พ.ย. 2568 จนถึงปัจจุบัน มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, สตูล และพัทลุง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร, สุราษฎร์ธานี และพัทลุง

• การแจ้งเตือนภัย : ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ปภ.) ได้ส่งแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ในช่วงเช้ามืดวันนี้ (04.01 น.) ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.พัทลุง, นครศรีธรรมราช, สงขลา, สตูล และตรัง ให้ระวังน้ำท่วม และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยง
• มาตรการรับมือ : ปภ. ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์เขต 11 สุราษฎร์ธานี เช่น รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย และ รถสูบน้ำกู้ภัยเคลื่อนที่สมรรถนะสูง เพื่อช่วยเหลือด้านการขนย้ายและการระบายน้ำอย่างเร่งด่วน

สรุปหลักเกณฑ์เยียวยาน้ำท่วมปี 2568 ตามมติ ครม.

นายธีรพัฒน์ อธิบดี ปภ. เน้นย้ำว่า ได้ประสานทุกจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยตามหลักเกณฑ์ใหม่ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 68 ดังนี้:

• ประชาชนที่ที่อยู่อาศัยประจำในอาคารสูงที่น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่ผู้ประสบภัยพักอาศัย ส่งผลให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป ซึ่งประชาชนจะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท
• ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 31-60 วัน จะได้รับความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 5,000 บาท
• ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 61-90 วัน จะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 10,000 บาท
• ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 91-120 วัน จะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 15,000 บาท
• ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 121 วันขึ้นไป จะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 20,000 บาท

ทั้งนี้ หากประชาชนประสบอุทกภัยหลายครั้ง จะได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียวตามกรณีที่มีระยะเวลาน้ำท่วมขังนานที่สุด

คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย

ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม ยกของ/เคลื่อนย้ายรถไปที่สูง และระวังอันตรายจากไฟฟ้าดูด

หากต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ทันที