ตลิ่งทรุด แม่น้ำน่าน อ.พิชัย ล่าสุด ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว

ตลิ่งแม่น้ำน่าน อ.พิชัย ทรุดหนัก บ้านพัง 1 หลังจมน้ำ เสียหายรวม 7 หลังคาเรือน ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน สั่งอพยพด่วนกว่า 40 หลังคาเรือน ไร้ผู้บาดเจ็บ
จากกรณีเกิดเหตุ ตลิ่งริมแม่น้ำน่านทรุดตัว บริเวณหมู่ที่ 1 ชุมชนริมน่าน ตำบลท่าสัก อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวน 6 หลังคาเรือน เบื้องต้นยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ขณะนี้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานประกอบด้วย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุตรดิตถ์ ทีมช่างจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยกู้ภัย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงฝ่ายปกครองอำเภอพิชัย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย พร้อมประสานงานช่วยเหลือและขนย้ายสิ่งของของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงออกจากบริเวณโดยรอบ
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์, เทศบาลตำบลท่าสัก และอาสาสมัครกู้ภัย ภายใต้การอำนวยงานของ นายนิตย์นิชัย บุญสุวรรณ นายอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ ลงพื้นที่ ชุมชนริมน้ำน่าน ซอย 5 เทศบาลตำบลท่าสัก
เร่งอพยพพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ ริมแม่น้ำน่าน บริเวณ ตลาด 100 ปี ย่านการค้าเก่าแก่ของชุมชนท่าสัก หมู่ 1 ต.ท่าสัก อ.พิชัย กว่า 40 หลังคาเรือนออกจากพื้นที่เป็นการเร่งด่วน หลังได้รับการแจ้งเหตุมีบ้านของประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำน่านในเขตเทศบาลท่าสักพังถล่มจม แม่น้ำน่าน ไปทั้งหลัง และเริ่มทรุดตัวอีกประมาณ 6 หลังคาเรือน
โดยได้ประกาศให้เป็น พื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน พื้นที่อันตราย ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าในพื้นที่ เด็ดขาด พร้อมจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว ตั้งโรงครัวให้กับพี่น้องประชาชน ก่อนประสานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์เข้าตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดเกิดเหตุอยู่ฝั่งตรงกันข้ามสถานีรถไฟท่าสัก นายนิตย์นิชัย พร้อมด้วย นายชลิต ธนวัฒน์ รองนายก อบจ.อุตรดิตถ์, โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รุดตรวจสอบพร้อมนำเทปกั้นเขตสีขาว-แดงกั้นพื้นที่ ติดป้ายข้อความ “ห้ามเข้า เขตพื้นที่อันตราย” ขอความร่วมมืออาสาสมัครกู้ จิตอาสาและพี่น้องประชาชนเจ้าของบ้าน อพยพออกจากพื้นที่
หลังพบว่า จุดเกิดเหตุ บ้านเลขที่ 104 หมู่ 1 ต.ท่าสัก ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น แบบครึ่งไม้ครึ่งปูน โดยมี นางพูลสุข สันตินรนนท์ อายุ 62 ปี เป็นเจ้าของบ้านพังถล่มทั้งหลัง และจมอยู่ริมแม่น้ำน่าน ในขณะที่บ้านอีก 6 หลังที่อยู่ติด ๆ กัน ส่วนหลังบ้านทรุดตัว ถล่มจมแม่น้ำน่านด้วยเช่นกัน กลายเป็นซากปรักหักพัง
ในขณะที่เจ้าหน้าที่สำรวจตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบว่ามีเสียงคล้าย ๆ ดินตลิ่งทรุดตัวต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือจำกัดจำนวนคนที่จะเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นพบทรัพย์สินบางส่วนเสียหาย ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
นายนิตย์นิชัย กล่าวว่า หลังเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ จึงประกาศเป็นพื้นที่อันตราย ห้ามเข้า และสั่งอพยพพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบออกจากพื้นที่ พร้อมตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว หรือให้ไปพักอาศัย บ้านญาติก่อนเพื่อความปลอดภัย
จากการตรวจสอบชุมชนดังกล่าว อยู่ติดแม่น้ำน่าน ช่วงพายุบัวลอยที่ผ่านมา แม่น้ำน่านเพิ่มความสูงต่อเนื่อง กัดเซาะตลิ่งริมแม่น้ำน่านจุดดังกล่าว พอน้ำเริ่มลด ดินอาจเกิดการอ่อนตัว ทรุดตัว กัดเซาะถึงในส่วนที่อยู่อาศัยของประชาชน จนพังถล่มเสียหายเป็นวงกว้าง
เบื้องต้น 10 หลังคาเรือน ประสานโยธาธิการและผังเมืองสำรวจโครงสร้างอาคารว่ามีความมั่นคงแข็งแรง สามารถเข้าพักอาศัยต่อไปได้หรือไม่, อบจ.อุตรดิตถ์ นำเครื่องจักร กำลังคนเข้ารื้อย้ายสิ่งของ ซากปรักหักพัง นอกจากนี้ประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พร้อมมาตรการช่วยเหลือเยียวยา







