หนุนล้างบาง "เสาเถื่อน" ช่วยสแกมเมอร์ กางแผนเช็กบิลค่ายมือถือ-ยึดใบอนุญาต

กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา หนุนล้างบาง "เสาสัญญาณเถื่อน" ตะเข็บชายแดน ช่วยสแกมเมอร์ "อัจฉริยะ" กางแผนเช็กบิลค่ายมือถือ-ยึดใบอนุญาต
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรคลื่นความถี่โทรคมนาคมบริเวณพื้นที่ ชายแดนไทย-กัมพูชา และเมียนมา ประเทศเพื่อนบ้าน การใช้คลื่นความถี่นอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมทั้งพิจารณาผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการใช้ประโยชน์พื้นที่ในการติดตั้ง เสาสัญญาณ
ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้เชิญ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , ผู้แทนจากบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณมือถือ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ "ทรู" และ "เอไอเอส" เข้าชี้แจง แต่ทั้ง 3 หน่วยงานได้มีหนังสือแจ้งว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์มีจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการจัดเตรียมและตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความรอบคอบ จึงขอเลื่อนการชี้แจงออกไปก่อน
ด้าน นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จากข้อมูลพบการล้มเสาสัญญาณเถื่อนตามตะเข็บชายแดน เฉลี่ยวันละ 2-3 ต้น แต่ไม่เคยมีการดำเนินคดีกับผู้ให้บริการเครือข่ายแต่อย่างใด อีกทั้งยังพบเสาสัญญาณกว่า 150 จุด ที่ยังส่งสัญญาณไปยังฝั่งเมียนมาและกัมพูชาอยู่ตลอดเวลา โดยอ้างว่าหากตัดสัญญาณแล้วจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งหากตรวจพบว่ามีการส่งสัญญาณไปให้สแกมเมอร์ตามตึกต่าง ๆ จะเข้าข่ายความผิดเงื่อนไขที่ต้องยกเลิกสัญญาทันที ไม่สามารถขายสัญญาณ ให้กับหน่วยงานของรัฐได้ ส่วนยอดการขออนุญาตตั้งเสาในพื้นที่ของกรมป่าไม้ มีจำนวน 1,700 ต้น แต่ได้รับอนุญาตจริงขณะนี้เพียง 10 ต้นเท่านั้น รวมทั้งยังตรวจพบเสาสัญญาณในเขตพื้นที่ป่าและอุทยานฯทั่วประเทศนับแสนต้นอยู่ตามตะเข็บชายแดน
นายอัจฉริยะ กล่าวต่ออีกว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ไฟเขียวปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด โดยวางไทม์ไลน์ให้หน่วยงานในพื้นที่ทั่วประเทศส่งข้อมูลพิกัดเสาสัญญาณมายังส่วนกลางภายในช่วงปลายเดือนนี้ หลังจากนั้นในช่วงต้นเดือนธันวาคมจะเปิดปฏิบัติการใหญ่ ผนึกกำลัง 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงดีอี เพื่อจับกุมและดำเนินคดีอาญากับค่ายมือถือที่ลักลอบตั้งเสาสัญญาณโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยหากพบเสาเถื่อน หรือการเช่าช่วงผิดกฎหมาย จะสั่งรื้อถอนทันที ยกเลิกสัญญา และดำเนินคดีอาญาทุกค่ายมือถือ
ขณะที่ นายชีวะภาพ กล่าวว่า อยากให้ดูที่เจตนาของการตั้งเสาสัญญาณ เพราะเสาบางต้นถูกนำไปตั้งอยู่ในสวนยางพารา อยู่ฝั่งตรงข้ามกับรังใหญ่ของสแกมเมอร์ จะบอกว่าติดตั้งเพื่อให้บริการประชาชนหรือชาวสวนยางพาราก็คงจะไม่ใช่แน่ ๆ ดังนั้นจึงต้องมีการบังคับใช้กฎหมายให้ครบทุกมิติ เพื่อให้ผู้ให้บริการเครือข่ายเกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยเฉพาะการตั้งเสาในเขตป่าอนุรักษ์ ป่าสงวน และที่ดิน สปก.4-10 ถือเป็นความผิดที่ต้องดำเนินคดีเพิ่ม
"เรื่องนี้ไม่ได้ไปเลือกปฏิบัติกับผู้อื่นผู้ใด แต่เชื่อว่าถ้าทำแบบนี้จะทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายพึงระวังมากขึ้น เพราะผู้ให้บริการรู้ดีที่สุดว่าใครใช้งานอยู่ตรงไหน พิกัดมันฟ้องชัดเจนว่าสัญญาณถูกลากไปใช้ฝั่งเพื่อนบ้านเพื่อมาหลอกลวงหรือทำลายความมั่นคงของเราหรือไม่ ผมว่าถ้าไม่มีสัญญาณ เรื่องนี้ก็จบแล้ว"
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการฯ ยืนยันว่าจะติดตามข้อมูลและตรวจสอบพิกัดทางภูมิศาสตร์ของเสาสัญญาณทั่วประเทศ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาบุกรุกป่า , การยึดถือที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของรัฐแบบผิดกฎหมายต่อไป







