มมส ขึ้นแท่นลำดับ 721–730 เอเชีย สะท้อนคุณภาพวิชาการ-วิจัยเด่น

มมส ขึ้นแท่นลำดับ 721–730 เอเชีย สะท้อนคุณภาพวิชาการ-วิจัยเด่น

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ขึ้นแท่นลำดับที่ 721–730 ของเอเชีย จัดอันดับโดย QS Asia University Rankings 2026 สะท้อนคุณภาพวิชาการ-ผลงานวิจัยเด่น

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญอีกครั้ง โดยได้รับการจัดอันดับอยู่ในช่วง ลำดับที่ 721–730 ของเอเชีย จากผลการจัดอันดับ QS World University Rankings: Asia 2026 ซึ่งเผยแพร่โดย Quacquarelli Symonds (QS) ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2568 การจัดอันดับครั้งนี้ถือเป็นการพัฒนาที่ชัดเจน

โดย มมส สามารถขยับอันดับดีขึ้นจากปี 2025 ที่อยู่ในช่วง 751–800 สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการในด้าน คุณภาพทางวิชาการ ผลงานวิจัย และการพัฒนาความร่วมมือเชิงวิชาการกับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง

โดยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้รับคะแนนรวม 22.3 คะแนน โดยมีผลคะแนนตัวชี้วัดที่โดดเด่นดังนี้

1.สัดส่วนอาจารย์ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก (Staff with PhD) 60.8 คะแนน   สะท้อนถึงศักยภาพของคณาจารย์และความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการส่งเสริมคุณภาพการสอนและการวิจัยในระดับสูง

2.เครือข่ายความร่วมมือวิจัยระหว่างประเทศ (International Research Network) 36.7 คะแนน   แสดงถึงความเข้มแข็งของการวิจัยร่วมกับสถาบันพันธมิตรทั่วโลก ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพและผลกระทบของงานวิจัย

3.ชื่อเสียงทางวิชาการ (Academic Reputation) 35.2 คะแนน  สะท้อนการยอมรับที่เพิ่มขึ้นจากนักวิชาการทั่วโลกต่อคุณภาพและศักยภาพทางวิชาการของ มมส.

4.ชื่อเสียงจากนายจ้าง (Employer Reputation) 10.7 คะแนน  แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีต่อบัณฑิตของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม

5.สัดส่วนอาจารย์ชาวต่างประเทศ (International Faculty Ratio) 22.4 คะแนน  สะท้อนความสามารถของมหาวิทยาลัยในการดึงดูดบุคลากรจากต่างประเทศเข้ามาร่วมพัฒนาองค์ความรู้

รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า “การขยับอันดับขึ้นใน QS Asia University Rankings 2026 เป็นผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นร่วมกันของทุกภาคส่วนในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพทางวิชาการ วิจัย และการสร้างบัณฑิตที่มีศักยภาพในระดับนานาชาติ เราจะยังคงเดินหน้าสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการควบคู่กับการรับใช้สังคม เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)”
 
การพัฒนาของอันดับในปีนี้ เป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกของมหาวิทยาลัย ทั้งในด้านการเพิ่มจำนวนและคุณภาพของผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในฐานข้อมูล Scopus (มากกว่า 11,000 เรื่อง ในช่วงปี 2562–2567) การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศ และการยกระดับการเรียนรู้สู่มาตรฐานสากล

และปัจจุบัน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มีนิสิตมากกว่า 42,000 คน และบุคลากรกว่า 1,200 คน
 
ผลการจัดอันดับครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในการขับเคลื่อนสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชนที่ยั่งยืน (University for Sustainable Community)” ที่มุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม และความร่วมมือเพื่อประโยชน์ของสังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน