น้ำเจ้าพระยา ยังวิกฤต! จับตา 3 น้ำ 'เหนือ-หนุน-ฝน' เฝ้าระวัง 48 ชม.

กทม. ยืนยันสถานการณ์น้ำ ยังคุมได้ สั่งทุกเขตริมเจ้าพระยาเฝ้าระวัง 3 น้ำ "น้ำเหนือ-น้ำหนุน-น้ำฝน" เร่งเสริมแนวป้องกัน 88 กม. รับมือ 48 ชม. นี้!
วันนี้ (11 พ.ย. 68) กรุงเทพมหานครยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด หลังนายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษก กทม. เปิดเผยว่า ระดับน้ำยังอยู่ในเกณฑ์สูงต่อเนื่องจากการระบายน้ำของกรมชลประทาน คาดการณ์ว่าจะทรงตัวในช่วงวันที่ 11-12 พฤศจิกายน ก่อนจะเริ่มลดระดับลงในภายหลัง
วานนี้ (10 พ.ย. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแนวป้องกันน้ำท่วมบริเวณสะพานพุทธ-ท่าเตียน และยืนยันว่า สถานการณ์ยังสามารถควบคุมได้ พร้อมสั่งการให้ทุกเขตที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเฝ้าระวัง “3 น้ำ” อย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง ได้แก่:
- น้ำเหนือ : ปริมาณน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้น
- น้ำหนุน : ระดับน้ำทะเลหนุนสูง
- น้ำฝน : ปริมาณฝนที่อาจตกลงมาในพื้นที่
แนวป้องกันแข็งแกร่ง! น้ำต่ำกว่าคันกั้น 70 ซม.
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ระบุว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ระดับน้ำหนุนลดลง ทำให้ระดับน้ำสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 2.1 เมตร ซึ่งยังคงต่ำกว่าแนวคันป้องกันน้ำท่วมของ กทม. ที่สูง 2.8 เมตร โดยมีระยะปลอดภัยเหลืออยู่ 70 เซนติเมตร
- กทม. ได้ใช้กลยุทธ์ “สูบสู้” เพื่อระบายน้ำที่รั่วซึมกลับสู่แม่น้ำทันที ป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าสู่ถนนและพื้นที่สำคัญ
- แนวป้องกันน้ำท่วมรวม 88 กิโลเมตร ได้ถูกตรวจสอบความพร้อม โดยเฉพาะแนวฟันหลอ (4.35 กม.) และพื้นที่ก่อสร้าง ได้มีการเรียงกระสอบทรายเสร็จสิ้น 100% ด้วยความสูง +2.40 ถึง +2.70 ม.รทก.
11 ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำเฝ้าระวังใกล้ชิด
ข้อมูลจากสำนักการระบายน้ำ ชี้ว่ามี 11 ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ ใน 6 เขต (ดุสิต, พระนคร, บางคอแหลม, ยานนาวา, บางกอกน้อย, คลองสาน) รวม 320 หลังคาเรือน (ประชากรราว 1,070 คน) ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบโดยตรง
คำสั่งผู้ว่าฯ: สั่งการทุกเขตเร่งเสริมแนวกระสอบทราย, ตรวจสอบแนวฟันหลอ, สร้างสะพานไม้ชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย, เตรียมกระสอบทรายสำรอง, และติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดสำคัญ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอดแนวพื้นที่เสี่ยง
ข่าวดี! อิทธิพล "น้ำฝน" ไม่น่ากังวล
ขณะที่กรมชลประทานเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำในจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพฯ บางส่วนนอกแนวคันกั้นน้ำ (เช่น บางพลัด) เริ่มมีน้ำเอ่อเข้าท่วมจริงตามข้อมูลของ GISTDA
กรมอุตุนิยมวิทยาได้ให้ข่าวดี ว่าปริมาณฝนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพายุ “ฟงวอง” เปลี่ยนทิศทาง และไม่มีมวลฝนก้อนใหญ่เข้ามาเติมในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา โดยตั้งแต่ 13 พ.ย. เป็นต้นไป อากาศจะเริ่มเย็นลงและฝนจะลดลงอย่างชัดเจน ถือว่าคลายความกังวลเรื่อง “น้ำฝน” ได้ในระดับหนึ่ง
ติดตามและแจ้งเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำและแจ้งขอความช่วยเหลือได้แบบเรียลไทม์:
- LINE @TraffyFondue
- สายด่วน 1555 (ตลอด 24 ชม.)
- ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม 02-248-5115
“ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กรุงเทพมหานครไม่ได้นิ่งนอนใจ และพร้อมดูแลทุกคนอย่างใกล้ชิด” ผู้ว่าฯ ชัชชาติย้ำทิ้งท้าย







