น้ำลุ่มเจ้าพระยาพุ่ง! ลดระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯ ช่วยพื้นที่ตอนล่าง

วันนี้ (10 พ.ย. 68) ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ได้เปิดเผยสถานการณ์น้ำล่าสุด โดยเน้นย้ำถึงปริมาณฝนที่ตกหนักและการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพื่อรับมือสถานการณ์ที่ระดับน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้น

3 อันดับ จังหวัดที่มีปริมาณฝนสูงสุดในรอบ 24 ชั่วโมง

รายงานจาก SWOC ระบุว่า ปริมาณฝนตกในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการกระจายตัวทั่วประเทศ โดยมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ของภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดย 3 อันดับที่มีปริมาณฝนสูงสุด คือ:

• อันดับ 1: อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ปริมาณฝน 128.5 มม.
• อันดับ 2: อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ปริมาณฝน 116.0 มม.
• อันดับ 3: อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ปริมาณฝน 89.8 มม.

สถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา : ระดับน้ำหน้าเขื่อนสูงขึ้น

ข้อมูล ณ เวลา 06.00 น. พบว่าแม่น้ำสายหลักในลุ่มเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่านสูง:

• สถานีวัดน้ำ P.17 แม่น้ำปิง ปริมาณไหลผ่าน 1,329 ลบ.ม./วินาที
• สถานีวัดน้ำ Y.64 แม่น้ำยม ปริมาณไหลผ่าน 501 ลบ.ม./วินาที
• สถานีวัดน้ำ N.67 แม่น้ำน่าน ปริมาณไหลผ่าน 1,225 ลบ.ม./วินาที
• สถานีวัดน้ำ C.2 แม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ปริมาณไหลผ่าน2,965 ลบ.ม./วินาที
• สถานีวัดน้ำ Ct.25สะแกกรัง ปริมาณไหลผ่าน 175 ลบ.ม./วินาที

ระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยา ที่ จ.ชัยนาท ยกตัวสูงขึ้น อยู่ในระดับ +17.70 ม.รทก. และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กรมชลประทานได้เร่ง รับน้ำเข้าระบบชลประทาน ทั้งสองฝั่งเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเต็มศักยภาพ รวม 600 ลบ.ม./วินาที

ปัจจุบัน ปริมาณน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่อัตรา 2,800 ลบ.ม./วินาที

ข่าวดี! กรมชลฯ ปรับลดระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อพื้นที่ตอนล่าง กรมชลประทานได้ดำเนินการ ปรับลดการระบายน้ำ จาก เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในวันนี้ จากอัตราเดิม 350 ลบ.ม./วินาที เหลือ 300 ลบ.ม./วินาที

เร่งระบายน้ำลงอ่าวไทยอย่างต่อเนื่อง

กรมชลประทานยังคงเดินเครื่อง สูบน้ำเร่งระบายน้ำ อย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการ บริหารจัดการน้ำผ่านประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ให้สอดคล้องกับจังหวะน้ำทะเลขึ้น-ลง เพื่อให้การระบายน้ำลงสู่ อ่าวไทย เป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด