ฝนถล่มปิง-ยม-น่าน! น้ำเจ้าพระยาพุ่งอีกระลอก กรมชลฯ สั่งหน่วงน้ำ

ฝนถล่มปิง-ยม-น่าน! น้ำเจ้าพระยาพุ่งอีกระลอก กรมชลฯ สั่งหน่วงน้ำ

ฝนถล่มปิง-ยม-น่าน! น้ำเจ้าพระยาพุ่งอีกระลอก กรมชลฯ สั่งเร่ง 'หน่วงน้ำ' พร้อมเตือนพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำเฝ้าระวังน้ำสูงขึ้นและติดตามสถานการณ์ 24 ชม.

วันนี้ (4 พ.ย. 68) ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำล่าสุด โดยระบุว่า อิทธิพลของฝนตกหนักต่อเนื่อง ในช่วงวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2568 บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำปิง ยม และน่าน ส่งผลให้มี ปริมาณน้ำท่าไหลลงสู่แม่น้ำสายหลักและอ่างเก็บน้ำเพิ่มสูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง

แผนบริหารจัดการน้ำ 2 ส่วน: หน่วงน้ำ-ระบายน้ำ

กรมชลประทานได้วางแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือกับมวลน้ำเหนือ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก:

1. การบริหารจัดการน้ำตอนบน: "หน่วงน้ำ" ที่เขื่อนหลัก

เขื่อนภูมิพล (จ.ตาก) และ เขื่อนสิริกิติ์ (จ.อุตรดิตถ์) กำลังร่วมกับ กฟผ. ทำการ "หน่วงน้ำ" และเก็บกักน้ำ ไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำเจ้าพระยา

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการหน่วงน้ำจากเขื่อนหลักแล้ว แต่ปริมาณน้ำที่ สถานี C.2 จ.นครสวรรค์ ยังคงเพิ่มขึ้นจากฝนที่ตกท้ายเขื่อน ประกอบกับมีน้ำไหลสมทบจากแม่น้ำยม และแม่น้ำสะแกกรัง (จ.อุทัยธานี)

ฝนถล่มปิง-ยม-น่าน! น้ำเจ้าพระยาพุ่งอีกระลอก กรมชลฯ สั่งหน่วงน้ำ
 

2. การบริหารจัดการเขื่อนเจ้าพระยา: รับน้ำและระบายน้ำ

กรมชลประทาน จะรับน้ำเข้าระบบชลประทาน ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านตัวเขื่อน

คาดการณ์ระบายน้ำ: จากปริมาณฝนที่ตกต่อเนื่อง คาดว่าน้ำส่วนที่เหลือจำเป็นต้องระบายผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราประมาณ 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที)

พื้นที่เสี่ยงต่ำโปรดเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำเจ้าพระยาใกล้ชิด

กรมชลประทาน ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวคันกั้นน้ำเดิม ซึ่งเคยได้รับผลกระทบในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ได้แก่:

  • พระนครศรีอยุธยา: พื้นที่ริมแม่น้ำน้อย–คลองโผงเผง–คลองบางบาล
  • สิงห์บุรี: อำเภออินทร์บุรี และอำเภอพรหมบุรี
  • อ่างทอง: อำเภอป่าโมก และอำเภอไชโย
  • ชัยนาท: อำเภอสรรพยา

ติดตั้งเครื่องจักร เร่งระบายน้ำลงอ่าวไทย

กรมชลประทาน ยังคงเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์น้ำร่วมกับ กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง:

  • นำน้ำเข้าสู่คลองชลประทานอย่างเต็มศักยภาพ
  • ติดตั้งเครื่องจักร เครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำส่วนเกินลงสู่อ่าวไทยให้รวดเร็วที่สุด เพื่อ ลดผลกระทบต่อประชาชน ให้ได้มากที่สุด

อัปเดตข้อมูลสถานการณ์น้ำเพิ่มเติมได้ที่

  • wmsc.rid.go.th
  • bigdata-swoc.rid.go.th