จับตา! 'พายุคัลแมกี' จ่อเข้าไทย 6-9 พ.ย. 'ภาคอีสาน-กลาง' ฝนตกหนัก

วันนี้ (3 พ.ย. 68) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 15/2568 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและเตรียมรับมือกับอิทธิพลของพายุโซนร้อน "คัลแมกี" อย่างใกล้ชิด

ตามการคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำฯ พายุคัลแมกี (Kalmaegi) ในมหาสมุทรแปซิฟิก จะเคลื่อนผ่านตอนกลางประเทศฟิลิปปินส์ ลงสู่ทะเลจีนใต้ และเข้าใกล้ฝั่งประเทศเวียดนาม ในช่วงวันที่ 6-9 พ.ย. 68 ซึ่งอาจทำให้

• ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่
• พื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก
• ภาคใต้ยังมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่อง

เร่งปรับแผนระบายน้ำ เขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์ ลดความเสี่ยงน้ำล้น

เนื่องจากในช่วงฤดูฝน 2568 ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุหมุนเขตร้อนและมรสุมรวม 6 ลูก (ได้แก่ วิภา, คาจิกิ, หนองฟ้า, ตาปะฮ์, รากาซา, บัวลอย) ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีปริมาณมาก โดย ณ วันที่ 1 พ.ย. 68 แหล่งน้ำทั้งประเทศมีปริมาณน้ำรวมสูงถึง 70,656 ล้าน ลบ.ม. (ร้อยละ 88 ของความจุ) และมีอ่างฯ ที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังน้ำมากถึง 310 แห่ง

จากสถานการณ์นี้และแนวโน้มที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีโอกาสเสี่ยงน้ำล้นจากอิทธิพลฝนตกหนักช่วงวันที่ 8-10 พ.ย. 68 ที่ประชุมจึงมีมติให้ ปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำ เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ท้ายน้ำ ดังนี้

เขื่อนภูมิพล จ.ตาก

• วันที่ 5 พ.ย. 68 อัตราการระบายน้ำที่ปรับเพิ่ม 20 ล้าน ลบ.ม./วัน
• 6 พ.ย. 68 อัตราการระบายน้ำที่ปรับเพิ่ม 25 ล้าน ลบ.ม./วัน
• 7 พ.ย. 68 เป็นต้นไป อัตราการระบายน้ำที่ปรับเพิ่ม 30 ล้าน ลบ.ม./วัน

เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์

• อัตราการระบายน้ำคงเดิมที่ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน

นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาเร่งลดระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้สามารถระบายน้ำออกจากทุ่งรับน้ำได้ตามแผน โดยปัจจุบัน เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำอยู่ที่ 2,300 ลบ.ม./วินาที และจะมีการปรับเพิ่มตามสถานการณ์จริง

เคาะหลักการ (ร่าง) มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 68/69 พร้อมเตรียมเสนอ กนช.

ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2568/2569 และโครงการสนับสนุนการดำเนินการตามมาตรการฯ เพื่อเตรียมเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาต่อไป

แผนการจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้ง มุ่งเน้นการบูรณาการกับทุกหน่วยงานเพื่อประเมินน้ำต้นทุนและความต้องการใช้น้ำ พร้อมคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลน เพื่อจัดสรรน้ำตามลำดับความสำคัญ ได้แก่:

1. อุปโภคบริโภค (น้ำกินน้ำใช้)
2. รักษาระบบนิเวศ
3. การเกษตร
4. อุตสาหกรรม และอื่น ๆ

รวมถึงการสำรองน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศในช่วงต้นฤดูฝน ปี 2569

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาการอนุญาตใช้น้ำประเภทที่สามของกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 9 ราย (เพื่อการผลิตไฟฟ้า, การประปา, และอุตสาหกรรม) ซึ่งจะนำเสนอ กนช. ให้ความเห็นชอบต่อไป