ส่งพัสดุหลอกเก็บเงิน 2 หมื่นชิ้น บุกโกดัง ยึดทรัพย์-หมายจับอื้อ
ตำรวจไซเบอร์ทลายโกดังเถื่อนสมุทรปราการ ส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง พบครึ่งเดือนส่งไปกว่า 2 หมื่นชิ้น เสียหายแล้วกว่า 5 ล้าน ยึดทรัพย์-หมายจับอื้อ
ตำรวจไซเบอร์ ทลายโกดังเถื่อน ส่งพัสดุทั่วไทย หลอกเก็บเงินปลายทาง โดยผู้รับไม่ได้สั่ง และส่งสินค้าไม่ตรงปก มีผู้ตกเป็นเหยื่อหลายหมื่นราย มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท ยึดทรัพย์-หมายจับอื้อ
เจ้าหน้าที่สายตรวจไซเบอร์ ได้ตรวจสอบพบบัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เตือนภัยการรับพัสดุที่ตนเองไม่ได้สั่งซื้อ และโดนเก็บเงินจากผู้รับพัสดุปลายทาง (COD) ประมาณ 200-300 บาท โดยกลุ่มคนร้ายได้ส่งสินค้าคุณภาพต่ำ เช่น เสื้อเก่า, ก้อนฆ่าเชื้อในชักโครกสีฟ้า, ทิชชู่เปียก, น้ำยาล้างห้องน้ำสีส้ม มาในกล่องพัสดุ จึงได้สืบสวนกรณีดังกล่าว
จากการตรวจสอบ พบว่ามีการแจ้งความในระบบรับแจ้งความออนไลน์กรณีดังกล่าวหลายราย เมื่อตรวจสอบข้อมูลความเชื่อมโยงคดี พบว่าส่วนใหญ่ไม่แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี เพราะเห็นว่ายอดความเสียหายไม่มาก ทำให้เกิดขบวนการหลอกลวงเหยื่ออย่างต่อเนื่อง
ต่อมา พ.ต.อ.มนต์ชัย บุญเลิศ ผกก.2 บก.สอท.2 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการสืบสวนจนทราบว่า มีโกดังที่ใช้แพ็คพัสดุ และโกดังที่ใช้ขนพัสดุ จำนวน 2 แห่ง รวมถึงบ้านที่พักอาศัยในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้
จากการตรวจสอบข้อมูลการส่งพัสดุของขบวนการเครือข่ายนี้ พบว่าในห้วงวันที่ 1-16 ก.ย.68 มีการส่งพัสดุไปให้กับประชาชนทั่วไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย จำนวนประมาณ 22,500 ชิ้น
โดยพัสดุทุกชิ้นจะเป็นการจัดส่งในรูปแบบ เรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) และระบุราคาที่ต้องชำระเฉลี่ยชิ้นละ 200-300 บาท รวมยอด (COD) ที่จะได้รับในห้วง 15 วัน คิดเป็นมูลค่า 4,500,000 บาท เฉลี่ยยอดส่งพัสดุ 1,500-2,000 ชิ้นต่อวัน และมีการเปิดเพจหลอกขายสินค้าส่งสินค้า ไม่ตรงปก ส่งสินค้าคุณภาพต่ำไปให้ผู้ซื้อสินค้าจากเพจหลายราย มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ตกเป็นเหยื่อหลายราย
ต่อมา พ.ต.อ.มนต์ชัย บุญเลิศ ผกก.2 บก.สอท.2 ได้เปิดปฏิบัติการ "สงครามล่ารหัส พัสดุทิพย์ ส่งด่วน" โดยนำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการเข้าตรวจค้น สถานที่บ้านพักอาศัยของขบวนการ เครือข่าย เป้าหมาย และโกดังแพ็กพัสดุ โกดังขนถ่ายพัสดุ รวม 3 แห่ง ในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
ผลการตรวจค้น สามารถยึดทรัพย์สินหลายรายการ อาทิ คอมพิวเตอร์ จำนวน 26 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 57 เล่ม, รถยนต์กระบะทึบ จำนวน 3 คัน, โทรศัพท์ จำนวน 10 เครื่อง, แทบเล็ต จำนวน 3 เครื่อง, ไอแพด จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องพิมพ์ลาเบล จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องบรรจุแพ็คพัสดุอัตโนมัติ จำนวน 2 เครื่อง
และกล่องพัสดุที่บรรจุสินค้า เช่น เสื้อเก่า, ก้อนฆ่าเชื้อในชักโครกสีฟ้า, ทิชชู่เปียก, น้ำยาล้างห้องน้ำสีส้ม และอื่นๆ สำหรับแพ็คลงพัสดุ รวมถึงอายัดพัสดุ สินค้า เก็บรักษาไว้โกดัง เป็นพยานหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำผิดเพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผล
นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามจับกุมบุคคลในขบวนการดังกล่าวตามหมายจับศาลอาญา จำนวน 3 ราย
ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
จากการสืบสวนขยายผลจากการตรวจค้นสถานที่ทั้ง 3 แห่งข้างต้น พบบุคคลเครือข่ายร่วมขบวนการ นอกจากบุคคลที่ถูกจับตามหมายจับศาลอาญา 3 รายแล้ว ยังมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิดซึ่งมีหลักฐานเพียงพอ
พนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.2 จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหา กับพวกอีก จำนวน 12 ราย ที่อยู่ในสถานที่ตรวจค้นดังกล่าว ซึ่งมีส่วนรู้เห็นร่วมกระทำผิด ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล เพื่อนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป
cr.ตำรวจไซเบอร์