อนุทิน บุกตรวจถนนสามเสนทรุด ลงเดินได้ ย้ำต้องปลอดภัย ก่อนเปิดใช้

ติดตามความคืบหน้าซ่อมแซมจุดถนนทรุดตัวครั้งใหญ่ กทม. ล่าสุด นายกฯอนุทิน บุกตรวจกลางดึก ถนนสามเสน จากเหตุถนนทรุดตัว หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต ยืนยันสถานการณ์สงบ ดินไม่เคลื่อนไหวเพิ่ม สามารถลงเดินได้แล้ว ย้ำต้องปลอดภัย 100% ก่อนเปิดใช้งาน คืนผิวจราจร พร้อมเร่งรื้อถอน สน.สามเสน เป้าหมายต่อไป

"อนุทิน" ลุยตรวจจุดเกิดเหตุ ย้ำชัดความปลอดภัยต้องมาก่อน

เมื่อค่ำวานนี้ 20 ตุลาคม 2568 เวลา 22.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่ถนนสามเสน บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต เพื่อติดตามความคืบหน้าการซ่อมแซมถนนทรุดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยมีวิศวกรโยธาและเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานแนวทางการทำงาน รวมถึงแผนการรื้อถอนอาคารสถานีตำรวจนครบาลสามเสนที่ได้รับผลกระทบ

หยุดทรุด! เดินบนหินคลุกได้แล้ว

รายงานความคืบหน้าล่าสุดจากพื้นที่ระบุว่า ได้มีการลงหินคลุกเพื่ออุดช่องว่างไปแล้วกว่า 1,700 ลูกบาศก์เมตร ครบตามเป้าหมาย และดำเนินการพรมน้ำบดอัด พร้อมเจาะรูตรวจระดับน้ำใต้ดินเพื่อควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ผลการตรวจสอบล่าสุดยืนยันว่า ดินบริเวณที่ทรุดตัวไม่มีการเคลื่อนไหวเพิ่มเติม ทำให้สามารถลงเดินตรวจสอบในพื้นที่ที่เคยทรุดได้แล้วอย่างมั่นใจ

นายกฯ สั่งกทม. ตรวจสอบอาคารรอบข้างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ และเน้นย้ำถึงมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยสั่งการให้กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนปฏิบัติงานอย่างรัดกุม รวมถึงการตรวจวัดค่าการเคลื่อนไหวของอาคารโดยรอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาคารสำคัญที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับประชาชน

"ต้องดำเนินงานด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ขอให้มั่นใจว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้มาตรฐานทางวิศวกรรม และประชาชนต้องได้รับความปลอดภัย 100% ทั้งตอนนี้ และหลังเปิดใช้งาน" นายอนุทินกล่าวเน้นย้ำ

เป้าหมายต่อไป รื้อถอน สน.สามเสน-เร่งคืนผิวจราจร

สำหรับขั้นตอนต่อไปที่สำคัญคือการรื้อถอนพื้น สน.สามเสน(อาคารของสถานีตำรวจนครบาลสามเสน) ซึ่งเป็นอาคารที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการทรุดตัวของดิน (ซึ่งเชื่อมโยงกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีม่วงใต้) และเตรียมก่อสร้างถนนสามเสนคืนให้โรงพยาบาลวชิรพยาบาลสามารถกลับมาใช้งานตามปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบด้านการจราจรและบริการทางการแพทย์ในพื้นที่สำคัญนี้