คนละครึ่งพลัส เฟส 2 เข้าคิว ม.ค.69 กลุ่มผู้ตกหล่น รับสิทธิก่อนใคร

คนละครึ่งพลัส เฟส 2 เข้าคิว ม.ค. 69 กลุ่มผู้ตกหล่น รับสิทธิ์ก่อนใคร

เตรียมเฮ! "คนละครึ่งพลัส เฟส 2" มาแน่ ม.ค.69 เก็บตกกลุ่มผู้พลาดสิทธิเฟสแรก รัฐบาลย้ำวงเงินเท่าเดิม พร้อมเดินหน้ามาตรการพลังงานลดค่าใช้จ่ายประชาชนด่วน!

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ล่าสุด ที่ได้พิจารณา และเห็นชอบในประเด็นสำคัญหลายด้าน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล เพื่อลดค่าใช้จ่ายประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจ

"คนละครึ่งพลัส" เฟส 2 มาแน่ ม.ค.69 เน้นช่วยกลุ่มตกหล่น

โฆษกฯ เผยความคืบหน้าโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2568 มีร้านค้าเข้าร่วมแล้ว 287,121 ร้าน และมีผู้ได้รับสิทธิ 20 ล้านสิทธิ สำหรับโครงการ "คนละครึ่ง พลัส เฟส 2" มีกำหนดคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 2569 โดยจะให้สิทธิแก่กลุ่มผู้ตกหล่น เป็นอันดับแรก ด้วยวงเงิน และแหล่งงบประมาณเดิมคือ งบกลางงบกระตุ้นเศรษฐกิจปี 69 อย่างไรก็ตาม หากเกิดการยุบสภาก่อน จะต้องหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับการผลักดันโครงการต่อไป
 

มาตรการพลังงาน Quick Big Win : โซลาร์ฟาร์มชุมชน-ลดค่าไฟด้วย Solar Rooftop

ที่ประชุม กนศ. ได้เห็นชอบในหลักการมาตรการด้านพลังงานภายใต้นโยบาย Quick Big Win ด้านพลังงาน ที่กระทรวงพลังงานเสนอ 3 มาตรการ 9 แผนงาน/โครงการ เพื่อลดค่าใช้จ่ายประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามแนวคิด “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว”

โครงการสำคัญที่นายกรัฐมนตรีย้ำให้เร่งดำเนินการก่อน และจะเป็นประโยชน์กับประชาชนโดยตรง ได้แก่

  • โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน
  • โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร
  • การส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัยด้วยมาตรการทางภาษี

โครงการเหล่านี้จะช่วยลดรายจ่าย สร้างรายได้ รวมถึงการนำมาตรการ คาร์บอนเครดิต มาใช้เพื่อส่งเสริมการลดโลกร้อน และสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วย
 

เน้นความโปร่งใส-วัดผลชัดเจนผ่าน Dashboard

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ทุกกระทรวงพิจารณาโครงการหรือกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่ไม่ใช่งานประจำ และสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนที่เหลือ พร้อมให้ส่งข้อมูลเข้า Dashboard ติดตามโครงการ Quick Big Win โดยต้องมีการทำ cost-benefit analysis ระบุถึงต้นทุน งบประมาณ และผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพื่อสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะได้รับ

นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกโครงการต้องมีความโปร่งใส ยึดหลักวินัยการเงินการคลัง และยึดผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศเป็นหลัก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประเทศไทยต่อนักลงทุน และ Rating Agency พร้อมขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการคลัง สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานอย่างเต็มที่

สำหรับการประชุม กนศ. ครั้งต่อไป คาดว่าจะมีการพิจารณามาตรการของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การค้า การส่งออก และการดูแลค่าครองชีพประชาชนต่อไป


 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์