เงินเข้าแล้ว ธกส. โอนเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1000 สูงสุด 10000 บาท

เงินเข้าบัญชีแล้ว ธ.ก.ส. โอนเงินไร่ละ 1000 ต.ค.68 จ่ายรอบ2 เงินช่วยเหลือชาวนาล่าสุด เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 2568/69 เช็ก ใครได้บ้าง? สูงสุด 10,000 บาท กำหนดโอนยาวถึงปี 69
อัปเดตเงินเยียวยาคนปลูกข้าวทั่วประเทศ วันนี้มีเงินเข้าบัญชีแล้ว ธ.ก.ส. โอนเงินไร่ละ 1000 เดือนต.ค.68 จ่ายรอบ2 เงินช่วยเหลือชาวนาล่าสุด เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 2568/69 เช็กเลย ใครได้บ้าง? สูงสุด 10,000 บาท เปิดกำหนดโอนยาวถึงปี 69 เข้าวันไหน รู้ทันที
วันนี้ 18 ตุลาคม 2568 ธ.ก.ส. เดินหน้าโอนเงินช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปี 2568/69 "ไร่ละ 1,000 บาท" เข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงแล้วในรอบที่ 2 ของเดือนตุลาคม เกษตรกรได้เฮ! รีบตรวจสอบสถานะการโอนและเช็กเงื่อนไขรับเงินสูงสุด 10,000 บาท พร้อมปฏิทินจ่ายเงินรายเดือนที่กำหนดโอนยาวไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ใครที่ยังไม่ได้รับเงิน ต้องเร่งดำเนินการลงลายมือชื่อรับรองสิทธิ์ด่วน
ข่าวดีรอบสอง! เงินไร่ละพัน เข้าบัญชีชาวนาวันนี้
วันนี้ 18 ตุลาคม 2568 ถือเป็นข่าวดีของพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 2568/69 อีกครั้ง เมื่อ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ดำเนินการโอน เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ตามมาตรการเยียวยาของรัฐบาลเข้าสู่บัญชีเกษตรกรโดยตรงใน รอบที่ 2 ของเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการจ่ายเงินที่ได้แจ้งไว้ก่อนหน้า
มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วประเทศ โดยมียอดรวมการโอนเงินในเดือนตุลาคม 2568 นี้ 2 รอบ คือ รอบแรก วันที่ 3 ตุลาคม และ รอบสอง วันที่ 18 ตุลาคม 2568
เงื่อนไขรับเงิน "ไร่ละ 1,000 บาท" ได้สูงสุดเท่าไหร่?
สำหรับมาตรการช่วยเหลือนี้มีเงื่อนไขสำคัญที่เกษตรกรต้องทราบเพื่อรักษาสิทธิ์ในการรับเงินอย่างครบถ้วน โดยกำหนดอัตราการจ่ายเงินไว้ที่ ไร่ละ 1,000 บาท แต่มีข้อจำกัดชัดเจนคือ
- จำกัดการจ่ายเงิน: ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่
- รับเงินสูงสุด: เกษตรกรแต่ละครัวเรือนจะได้รับเงินช่วยเหลือ สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
อัปเดตล่าสุด! ยอดเกษตรกรได้เงินแล้ว 89% เร่งจ่ายต่อเนื่อง
ความคืบหน้าล่าสุดจาก กรมส่งเสริมการเกษตร ภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เปิดเผยตัวเลข ณ วันที่ 26 กันยายน 2568 ว่า ได้มีการส่งข้อมูลเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อรับเงินช่วยเหลือ "ไร่ละ 1,000 บาท" เข้าสู่ระบบการจ่ายเงินของ ธ.ก.ส. แล้ว รวมกว่า 4.12 ล้านครัวเรือน
ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นกว่า 89.16% ของเป้าหมายเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีทั้งหมด 4.63 ล้านครัวเรือน และยังมีการส่งข้อมูลเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการนาปี 2568/69 รวมแล้วกว่า 4.19 ล้านครัวเรือน ณ วันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา
ปฏิทินจ่ายเงิน ธ.ก.ส. เตรียมรับไร่ละพัน ยาวถึง ก.พ. 69
เกษตรกรสามารถตรวจสอบและเตรียมรับเงินตามตารางการโอนที่ ธ.ก.ส. กำหนดไว้ โดยจะมีรอบการจ่ายเงิน เดือนละ 2 ครั้ง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2568 ไปจนถึง กุมภาพันธ์ 2569 ซึ่งเงินจะเข้าบัญชี ในวันที่ 3 และวันที่ 18 ของทุกเดือน
คำเตือนสำคัญ ถ้าไม่ลงลายมือชื่อ ในแบบติดประกาศ ระวังจะเสียสิทธิ์ รับเงินทันที
กรมส่งเสริมการเกษตร ได้เน้นย้ำไปยังเกษตรกรที่ได้แจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงิน หรือต้องการยืนยันสิทธิ์ ให้เร่งดำเนินการดังนี้
- ลงลายมือชื่อ: ในแบบติดประกาศ หรือ
- เข้าร่วมและลงลายมือชื่อ: ในการประชาคม เพื่อรับรองข้อมูลของตนเอง
คำเตือนเด็ดขาด: หากไม่ลงลายมือชื่อ จะถือว่า ไม่ผ่านการตรวจสอบ และข้อมูลจะไม่ถูกส่งเข้าร่วมโครงการอย่างสมบูรณ์ ทำให้ เสียสิทธิ์ ในการรับเงินช่วยเหลือ
วิธีเช็กสถานะการโอนเงิน และตรวจสอบเงินเข้าบัญชี
เกษตรกรสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานะการเข้าร่วมโครงการ และสถานะการโอนเงินได้อย่างง่ายดายผ่านช่องทางออนไลน์ที่สะดวกและรวดเร็ว
1. ตรวจสอบสถานะการเข้าร่วมโครงการ (กรมส่งเสริมการเกษตร)
- เว็บไซต์: efarmer.doae.go.th/login
- แอปพลิเคชัน: "Farmbook"
2. ตรวจสอบเงินเข้าบัญชี (ธ.ก.ส.)
- เว็บไซต์: govtransfer.baac.or.th (ตรวจสอบสถานะการโอนเงินและจำนวนเงินที่ได้รับ)
- LINE Official BAAC Family: พร้อมสมัครบริการ BAAC Connect เพื่อรับแจ้งเตือนเงินเข้าออกบัญชีทันที
- แอปพลิเคชัน: BAAC Mobile
ระวัง! กรมส่งเสริมการเกษตรเตือน แจ้งข้อมูลเท็จ ขึ้นทะเบียน มีโทษทางอาญา
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ยังได้ออกโรงเตือนเกษตรกร ห้ามใช้ AI หรือวิธีใดๆ แจ้งข้อมูลเท็จ ในการขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นการกระทำที่ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ เช่น
- ความผิดมาตรา 137 : ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ความผิดมาตรา 267 : ผู้ใดแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้น เกษตรกรควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลตนเอง และดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด เพื่อรับสิทธิ์ช่วยเหลืออย่างถูกต้องและครบถ้วน







