หลอกโอนเงิน 140 ล้าน บุกจับ 13 คน เอี่ยวบริษัทบัญชีม้า ฟันสาวธนาคารดัง

เปิดโปงขบวนการ หลอกโอนเงิน 140 ล้าน บุกจับ 13 คน เอี่ยวบริษัทห้างหุ้นส่วนบัญชีม้า ฟันสาวธนาคารดัง สืบเส้นทางเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นครบาล เปิดโปงขบวนการ ลุยปราบหลอกโอนเงิน 140 ล้าน บุกจับ 13 คน เอี่ยวบริษัทห้างหุ้นส่วนบัญชีม้า ฟันสาวธนาคารดัง สืบเส้นทางเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. สั่งดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุหลอกลวงในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. , พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.4 , พ.ต.อ.ฤทธี ปานดำ รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.นิภพล สุขนิยม รอง ผบก.น.4
ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลทำการสืบสวนติดตามจับกุม กลุ่มบัญชีธนาคารซึ่งเปิดในนามนิติบุคคลในรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งมีการทำธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ
จากการตรวจสอบข้อมูลหุ้นส่วนของนิติบุคคลดังกล่าว พบว่า มีรายชื่อจดทะเบียนนิติบุคคลอื่นๆ อีก โดยสลับหน้าที่กันในนิติบุคคลอื่นๆ นอกจากนี้กลุ่มบริษัทที่เชื่อมโยงกันนี้ ยังมีการขอจดทะเบียนผ่านระบบจดทะเบียนดิจิทัล
โดยใช้รหัสผู้ทำคำสั่งเป็นคนเดียวกัน และเปิดนิติบุคคลเป็นระยะเวลาเพียง 1 วันก่อน มาทำการเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งก่อนที่จะมีการใช้บัญชีนั้นๆ จะมีการโอนเงินเพื่อทดสอบการใช้งานไปยังบัญชีรับบริจาคของมูลนิธิที่มีความเคลื่อนไหว และอยู่ในกระแสของประชาชน
เมื่อพบว่าบัญชีธนาคารสามารถรับ และโอนเงินได้จึงใช้ในการรับผลประโยชน์ ซึ่งได้จากการหลอกลวงประชาชนทั่วไปในรูปแบบต่างๆ เช่น ข่มขู่ให้ตกใจกลัว หรือหลอกลงทุน และเมื่อได้รับโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหาย หรือบัญชีม้ามายังบัญชีนิติบุคคลดังกล่าวแล้ว จะมีผู้มาทำหน้าที่ถอนเงิน โดยมีกลุ่มบุคคลคอยทำหน้าที่ควบคุมและรับผลประโยชน์อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง
จากการตรวจสอบในระบบรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (TPO) พบเรื่องรับแจ้งในระบบ (Case ID) ซึ่งเกี่ยวข้องกับบัญชีธนาคารนิติบุคคลทั่วประเทศ จำนวน 291 เรื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 140 ล้านบาท และพบเหตุที่เกิดขึ้นเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 16 เรื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 39 ล้านบาท
ต่อมา ได้มีการตั้งคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวจนมีการออกหมายจับผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในองค์กรอาชญากรรมดังกล่าว จำนวน 33 หมายจับ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกออกหมายจับในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง
ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและเป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกซ์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด
ส่วนผู้ต้องหาซึ่งเป็นอดีตพนักงานธนาคารที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 1 คน ถูกออกหมายจับในข้อหา เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบนครบาล ได้มีการเปิดปฏิบัติการเพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าว โดยมีผลการจับกุม ณ ปัจจุบัน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น จำนวน 13 ราย (18 หมายจับ) และยังคงมีการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออย่างต่อเนื่อง






