ฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1,000 ล้าน อัปเดตทลายบริษัทคริปโต จับ 9 ราย

คืบหน้าอัปเดตล่าสุด ทลายบริษัทคริปโตเถื่อน จับ 9 ราย เอี่ยวฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบเงินหมุนกว่า 1,000 ล้าน
กรณีตำรวจไซเบอร์ทลายบริษัทคริปโตเถื่อน ตามรวบได้แล้ว 9 ราย พบฟอกเงิน ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียนมหาศาล กว่า 1,000 ล้านต่อเดือน
พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์, พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน, พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ, พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ทลายบริษัทคริปโตเถื่อน ตามรวบได้แล้ว 9 ราย พบฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียนมหาศาล กว่า 1,000 ล้านต่อเดือน
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการกระทำผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยกรณีนี้ได้มีผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง สูญเงินกว่า 3,000,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 จึงได้สืบสวนพร้อมทั้งประสานข้อมูลจาก ทีมสืบสวนทุจริตด้านดิจิทัลฝ่ายป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
ต่อมา ได้พบข้อมูลสำคัญว่า ขบวนการดังกล่าวได้ใช้บัญชีม้าถอนเงินที่หลอกลวงได้จากธนาคารภายในประเทศไทย จากนั้นได้นำเงินสดไปซื้อเงินสกุลดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน จากบริษัทจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลที่ไม่ได้จดทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)
จากการตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงิน พบว่าบริษัทดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนมหาศาล กว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนพนักงานสอบสวนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับ กลุ่มผู้ต้องหาในขบวนการได้แล้วรวม 11 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนร่วมกันซ่องโจร และร่วมกันฟอกเงินฯ”
ต่อมาวันที่ 9 ต.ค. 2568 เวลาประมาณ 07.00 น. พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สมพล ใจดี และ พ.ต.อ.ขจร อบทอง รอง ผบก.สอท.2 พร้อมด้วย ผกก.3 บก.สอท.2 และ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.2 เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 7 จุด ในพื้นที่
- กรุงเทพมหานคร,
- สมุทรปราการ,
- ราชบุรี,
- นครปฐม,
- ฉะเชิงเทรา,
- เชียงใหม่
- ชลบุรี
ผลการตรวจค้น สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 9 คน ดังนี้
1. นาย ช กรรมการบริษัท
2. นางสาว พ ทำหน้าที่ ฟอกเงินสดเป็นสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency)
3. นาย ณ ทำหน้าที่ เปิดบัญชีม้าและถอนเงินสด
9.นาย ก ทำหน้าที่ เปิดบัญชีม้าและถอนเงินสด
8.นาย ศ ทำหน้าที่ ควบคุมบัญชีม้าไปถอนเงินสด และตัดตอนเส้นทางการเงิน
4.นางสาว ด ทำหน้าที่ เปิดบัญชีม้า
5.นาย ก ทำหน้าที่ เปิดบัญชีม้า
6.นาย ท ทำหน้าที่ เปิดบัญชีม้า
7.นาย ท ทำหน้าที่ เปิดบัญชีม้า
พร้อมทั้งสามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครื่อง, แท๊บเล็ต จำนวน 1 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 22 เล่ม และบัตรกดเงินสด ATM จำนวน 5 ใบ นำตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี พร้อมสืบสวนขยายผลและติดตามเส้นทางการเงินของขบวนการดังกล่าว เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องนำกลับมาเข้าสู่กระบวนการเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง
ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร.
ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว






