สคบ. ลุย 'คนละครึ่งพลัส' คุมเข้มร้านค้าเอาเปรียบผู้บริโภค

สคบ. ลุย 'คนละครึ่งพลัส' คุมเข้มร้านค้าเอาเปรียบผู้บริโภค

"สันติ ปิยะทัต" สั่ง สคบ. คุ้มครองสิทธิ์ประชาชน "คนละครึ่งพลัส" ตั้งแต่ 29 ต.ค. นี้ มุ่งปราบปรามการโก่งราคา-หลอกลวง พร้อมเปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียน

วันนี้ (9 ต.ค. 68) นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี เพื่อมอบนโยบายและพบปะข้าราชการ โดยมี นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการ สคบ. ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมการปฏิบัติงาน รัฐมนตรีสันติฯ ได้เน้นย้ำให้ สคบ. เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจคุ้มครองผู้บริโภคเชิงรุก โดยกำหนด 5 นโยบายสำคัญ ภายใต้แนวทาง “Quick Big Win” เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาลทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม สิ่งแวดล้อม และรัฐทันสมัย

5 นโยบายสำคัญ "Quick Big Win" ที่ สคบ. ต้องเร่งดำเนินการ

1. โครงการ “คนละครึ่งพลัส” (29 ต.ค. - 31 ธ.ค. 68) : สคบ. จะรับผิดชอบดูแลสิทธิของประชาชนในระบบการใช้จ่าย ให้ความรู้เพื่อป้องกันการหลอกลวง รวมถึงส่งเสริมความเข้าใจด้านกฎหมายแก่ผู้ประกอบการ นอกจากนี้ยังจะคุมเข้มมาตรการตรวจสอบและลงโทษร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เอาเปรียบผู้บริโภคอย่างเด็ดขาด ทั้งด้านราคา การบริการ และการโฆษณา พร้อมเปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนเพื่อส่งต่อไปยังกระทรวงพาณิชย์
 

2. โครงการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสุขภาพและอนาคตของชาติ : รัฐบาลมีเจตนารมณ์ปกป้องประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน จากภัยเงียบของบุหรี่ไฟฟ้า รัฐมนตรีสันติฯ มอบหมายให้ สคบ. ใช้อำนาจควบคุมสินค้าและช่องทางจำหน่ายอย่างเข้มงวด รวมถึงควบคุมการโฆษณาที่บิดเบือน เช่น การกล่าวอ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัย เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการป้องกันวิกฤติด้านสาธารณสุขและสังคม

3. มาตรการลดค่าครองชีพเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการอยู่อาศัย : เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าที่พักอาศัย สคบ. จะคุ้มครองสิทธิของผู้เช่าไม่ให้ถูกเรียกเก็บ ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาเกินอัตราที่กำหนด โดยจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การไฟฟ้าและการประปา เพื่อกำหนดมาตรฐานควบคุม พร้อมตรวจสอบและลงโทษเจ้าของอาคารที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเคร่งครัด
 

4. นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว : สคบ. มีภารกิจกำกับดูแลธุรกิจการเช่าต่าง ๆ เช่น การเช่ารถ ให้มีการคิดค่าบริการอย่างเป็นธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

5. นโยบายการช่วยเหลือ SME ไทย และคุ้มครองผู้บริโภคจากสินค้านำเข้า : ในสถานการณ์ที่ SME ไทยได้รับผลกระทบจากการแข่งขันกับสินค้านำเข้าราคาต่ำ ซึ่งมักมีปัญหา "สินค้าไม่ตรงปก" หรือ "สินค้าไม่มีคุณภาพ" และผู้บริโภคไม่สามารถเปลี่ยนคืนได้ รัฐมนตรีสันติฯ มอบหมายให้ สคบ. ในฐานะผู้ควบคุมฉลาก ไปศึกษาหลักเกณฑ์และข้อปฏิบัติในการบังคับใช้ การติดฉลากแจ้งข้อมูลสินค้าอย่างถูกต้องและชัดเจน เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากการใช้สินค้านั้น ๆ และสร้างความเป็นธรรมทางการค้า

นายสันติ กล่าวย้ำว่า การทำงานของ สคบ. จะต้องมุ่งเน้น การบูรณาการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบรับเรื่องร้องเรียน เพื่อให้ภารกิจการคุ้มครองผู้บริโภคเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างรวดเร็วและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง