กรมโยธาฯ เสริมคันดินชั่วคราว กู้ 'น้ำท่วมเสนา' ช่วย 9 พันครัวเรือน

กรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) เดินหน้าแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อย่างเร่งด่วน หลังมวลน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 9,000 หลังคาเรือน พร้อมระดมกำลังเสริมแนว คันดินชั่วคราว และติดตั้ง เครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ เพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญและเร่งระบายน้ำออกจากชุมชน

นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า จากการที่เขื่อนเจ้าพระยาคงอัตราการระบายน้ำที่ 2,400 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำน้อยเพิ่มสูงขึ้น และเข้าท่วมพื้นที่อำเภอเสนา โดยเฉพาะบ้านเรือนประชาชนกว่า 9,338 หลังคาเรือน ที่ได้รับผลกระทบ

กรมฯ ไม่นิ่งนอนใจ ได้มอบหมายให้สำนักและกองที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บูรณาการร่วมกับ เทศบาลเมืองเสนา และ เทศบาลตำบลสามกอ ลงพื้นที่ตรวจสอบและวางแผนแก้ไขสถานการณ์โดยทันที

เร่งเสริมแนวป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจ

จากการตรวจสอบ โครงการปรับปรุงและซ่อมแซมระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเสนาและสามกอ ระยะที่ 1 ซึ่งแล้วเสร็จไปแล้วกว่าร้อยละ 82.67 พบว่า ขณะนี้ระดับน้ำได้สูงเกินกว่าระดับหลังพื้น/คานรัดหัวเสาเข็ม ทำให้เสี่ยงที่น้ำจะล้นทะลักเข้าท่วม ตลาดเสนา ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ

กรมฯ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและผู้รับจ้าง จัดทำแผนป้องกันและก่อสร้าง คันดินชั่วคราว ตลอดแนวในส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จของโครงการ เพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจย่านตลาดเสนาและชุมชนเทศบาลโดยเฉพาะ

ควบคุมสถานการณ์น้ำลอดใต้โครงสร้างเดิม

ในส่วนของ ชุมชนหลังโรงเรียนเสนาบดี ซึ่งอยู่ในพื้นที่ก่อสร้าง โครงการระยะที่ 2 (อยู่ระหว่างประกาศหาผู้รับจ้าง) พบว่ามีน้ำลอดทะลุผ่านผนังโครงสร้างเดิมที่ชำรุดเข้ามาในพื้นที่ แต่กรมฯ ได้ดำเนินการประสานความร่วมมือกับท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนและติดตั้ง เครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ เข้าไปเร่งสูบน้ำออกจากชุมชนอย่างต่อเนื่อง และยืนยันว่า ปริมาณน้ำที่ทะลุลอดเข้ามายังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้

อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมฯ ยังคงติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนเสนาอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่เตรียมพร้อมด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ และกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง และจะเดินหน้าวางแผนปรับปรุงและซ่อมแซมเสริมความแข็งแกร่งของระบบป้องกันน้ำท่วมใน ระยะยาว เพื่อป้องกันและลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างยั่งยืน

กรมฯ ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจให้ความร่วมมือในการดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้