น้ำในอ่างรวม 85% เร่งคุมน้ำ ‘เขื่อนสิริกิติ์’ รับมือฝนตกหนัก

สทนช. เตือน น้ำในอ่างรวมพุ่ง 85% เร่งคุมน้ำ "เขื่อนสิริกิติ์" รับมือฝนหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคกลาง-ใต้ ฝนเพิ่มขึ้น ประชาชนใน 19 จังหวัดน้ำท่วม ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2568 เวลา 07.00 น. พบว่าภาพรวมยังคงต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ เนื่องจากอิทธิพลของร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ยังคงมีกำลัง
สถานการณ์ฝนและพยากรณ์อากาศ
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (สูงสุด ณ 7.00 น. วันที่ 9 ต.ค. 68) มีปริมาณฝนสูงสุดในหลายภาค ได้แก่ ภาคกลาง ที่จังหวัดปทุมธานี (104 มิลลิเมตร), ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ (101 มิลลิเมตร), และ ภาคตะวันออก ที่จังหวัดระยอง (96 มิลลิเมตร)
สำหรับวันนี้ ร่องมรสุมได้เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุม ทำให้ภาคกลาง (รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล) ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขณะที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่
คาดการณ์ระหว่างวันที่ 10–14 ตุลาคม 2568 พบว่าภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนลดลงอีก แต่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน
ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศในภาพรวมถือว่าอยู่ในระดับสูง โดยมีปริมาณน้ำรวม 85% ของความจุเก็บกัก (68,250 ล้านลูกบาศก์เมตร) และมีปริมาณน้ำใช้การอยู่ที่ 76% (44,129 ล้านลูกบาศก์เมตร)
พื้นที่ประสบอุทกภัย
ข้อมูล ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2568 พบว่ามีพื้นที่ประสบสถานการณ์อุทกภัยใน 19 จังหวัด รวม 94 อำเภอ ครอบคลุมทั้งภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยจังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์ เช่น พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยภูมิ ยโสธร อุดรธานี อุบลราชธานี อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และฉะเชิงเทรา
สทนช. ลงพื้นที่ติดตามเขื่อนสิริกิติ์ พร้อมรับมือพายุ "แมตโม"
เมื่อวานนี้ (8 ต.ค. 68) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ สทนช. ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและประชุมหารือแนวทางบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำน่าน ณ เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และรองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์
ที่ประชุมได้มีการติดตามผลกระทบจากพายุหลายลูกที่ผ่านมา เช่น “วิภา”, “คาจิกิ”, “หนองฟ้า” และ “บัวลอย” ซึ่งทำให้มีน้ำไหลเข้าอ่างรวมกว่า 6,800 ล้านลูกบาศก์เมตร และยังมีการเตรียมรับมือกับอิทธิพลของพายุ “แมตโม” ที่คาดว่าจะทำให้มีฝนตกหนักในช่วงนี้
สทนช. ได้กำชับให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างรอบคอบ โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของเขื่อนและพื้นที่ท้ายน้ำเป็นสำคัญ พร้อมสั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโครงการชลประทานอุตรดิตถ์ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำน่านอย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยของเขื่อน (กปข.) ได้เข้าตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อนสิริกิติ์และอาคารประกอบอย่างละเอียด ระหว่างวันที่ 6–8 ต.ค. 68 ในช่วงที่ระดับน้ำในอ่างสูงเกินกว่าร้อยละ 90 ของความจุ ซึ่งผลการตรวจสอบยืนยันว่าเขื่อนยังคงมีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย





