น้ำท่วมหลายพื้นที่! เปิด 7 เส้นทางเลี่ยงน้ำท่วม เช็กเลยก่อนเดินทาง

กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินน้ำท่วม แนะประชาชนเลี่ยง 7 เส้นทางหลัก พร้อมเปิดแผนทางเลี่ยงแบบละเอียด ตรวจสอบจุดน้ำท่วม ทางเบี่ยงทั้ง 7 สายทางได้ที่นี่
นายพิชิต หุ่นศิริ รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ขณะนี้ ทช. ได้กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเน้นย้ำให้ประชาชนเดินทางด้วยความระมัดระวัง และโปรดสังเกต ป้ายเตือน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
ทช. ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ลาดตระเวน ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายทางเลี่ยง รวมถึง ปักเสาขาวแดง เพื่อบอกแนวเขตทางบนโครงข่ายถนนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการประสานงานกับหน่วยงานจังหวัดเพื่อช่วยเหลือประชาชนทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ
สำหรับกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ถนนหรือสะพานขาด จะมีการ เร่งซ่อมแซมเบื้องต้น และหากมีต้นไม้หักโค่น กีดขวางเส้นทาง จะรีบนำเครื่องมือเครื่องจักรเข้าดำเนินการเปิดเส้นทางทันที พร้อมทั้งให้คำแนะนำ เส้นทางเลี่ยง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน
7 เส้นทางเลี่ยงน้ำท่วมที่สำคัญ
ขณะนี้ ทช. ได้แนะนำ 7 เส้นทางเลี่ยง ในพื้นที่น้ำท่วม เพื่อให้ประชาชนใช้เดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ถนนสาย รอ.4007 แยก ทล.2259 (กม. ที่ 19+400) - บ้านสว่าง อำเภอเสลภูมิ และโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด หากต้องการเดินผ่านบริเวณน้ำท่วมให้ใช้ทางเลี้ยวบริเวณบ้านโคกกกม่วงพัฒนา (ถนนสาย รอ.4007 กม.ที่ 14+500) ขับบนถนน อบจ. ไปยังบ้านคำอุปราชและเข้าตำบลสว่าง ระยะทาง 7.200 กิโลเมตร จะสามารถเดินทางกลับมายังถนนสาย รอ.4007 (กม. ที่ 22+000)
2. ถนนสาย นว.3119 แยก ทล.225 (กม. ที่ 7+100) - ชุมชนเกาะยม กม. ที่ 0+500 - 2+700 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งหากต้องการเดินทางจาก กม. ที่ 0+000 ของถนนสายดังกล่าว และข้ามผ่านบริเวณน้ำท่วม ให้เดินทางย้อนกลับไป ทล.225 มุ่งหน้าเข้าถนนท้องถิ่น (แยก ทล. กม. ที่ 6+000) ระยะทาง 1.300 กิโลเมตร จะสามารถเดินทางกลับมาถนนสาย นว.3119 กม. ที่ 4+873 (ปลายสาย) และหลีกเลี่ยงบริเวณน้ำท่วมได้
3. ถนนสาย นว.3102 แยก ทล.117 (กม. ทื่ 16+150) - บ้านเนิน อำเภอเก้าเลี้ยว และชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ หากต้องการเดินทางจาก กม. ที่ 0+000 ของถนนสายนี้และข้ามผ่านบริเวณน้ำท่วม ให้เดินทางย้อนกลับไป ทล.117 มุ่งหน้าเข้าถนนสาย นว.3009 กม. ที่ 0+000 เดินทางจนถึง กม. ที่ 9+800 จากนั้นให้ใช้แยกเข้าถนนท้องถิ่น ระยะทาง 7.500 กิโลเมตร จะสามารถเดินกลับมาถนนสาย นว.3102 และหลีกเลี่ยงบริเวณน้ำท่วม
4. ถนนสาย พจ.4011 แยก ทล.1289 (กม. ที่ 10+900) - บ้านทุ่งอ่างทอง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร หากต้องการเดินทางไปอำเภอโพทะเล วิ่งบน ทล.1289 ไปอีก 5 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย พจ.4042 แยก ทล.1289 บ้านท้ายน้ำ หากต้องการข้ามผ่านบริเวณน้ำท่วมให้เดินทางย้อนมุ่งหน้าเข้าถนนสาย พจ.4011 เดินทางไปอำเภอโพทะเล และหลีกเลี่ยงบริเวณน้ำท่วมได้
5. ถนนสาย พจ.5022 เชื่อมถนนเทศบาลตำบลโพทะเล - บ้านบางพล้อ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร สามารถขับเข้าถนนสาย พจ.5044 เชื่อมถนนเทศบาลตำบลโพทะเล - บ้านหนองขอนได้ ช่วง กม. ที่ 0+000 - 24+000 จากนั้นเลี้ยวซ้าย เข้าช่วงปลายสายของถนนสาย พจ.5022 เพื่อหลีกเลี่ยงบริเวณน้ำท่วม
6. ถนนสาย พจ.4021 แยก ทล.1289 (กม. ที่ 10+060) - บ้านไผ่ท่าโพใต้ อำเภอบึงนาราง และโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร หากต้องการเดินทางไปอำเภอโพธิ์ประทับช้าง สามารถใช้ถนนสาย พจ.4021 ไปอีก 6.100 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนสาย พจ.021 สะพานชุมชนประดาทอง แยกเข้าถนน อบต. จนไปเจอกับ ทล.1070 แล้วเลี้ยวซ้ายมาเจอปลายทางของสายดังกล่าว สามารถหลีกเลี่ยงบริเวณน้ำท่วมได้
7. ถนนสาย อย.4055 แยก ทล.3267 (กม. ที่ 10+265) - บ้านตาลเอน อำเภอมหาราช และบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หากต้องการเดินทางจาก กม. ที่ 0+000 ไปยัง กม. ที่ 8+150 บนถนนสายดังกล่าว และต้องการข้ามผ่านบริเวณน้ำท่วม ให้ใช้ ทล.3267 ไปยังสี่แยกเจ้าปลุก ทล.3267 ตัด ทล.347 แล้วเลี้ยวซ้ายเดินทางบน ทล.347 ประมาณ 3.500 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสาย อย.3052 แล้วขับ ตรงไป ระยะทาง 4.500 กิโลเมตร จะสามารถเดินทางกลับมาถนนสาย อย.4055 และหลีกเลี่ยงบริเวณน้ำท่วมได้
ทั้งนี้ กรมทางหลวงชนบทจะ ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และจะรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะ หากประชาชนพบเหตุอุทกภัย หรือต้องการแจ้งเหตุ สามารถติดต่อได้ที่ แขวงทางหลวงชนบททั่วประเทศ หรือ สายด่วน ทช. โทร. 1146






