เร่งพร่องน้ำ 'เขื่อนสิริกิติ์' รับมือฝนระลอกใหม่ ย้ำไม่ซ้ำรอยปี 54

เร่งพร่องน้ำ 'เขื่อนสิริกิติ์' รับมือฝนระลอกใหม่ ย้ำไม่ซ้ำรอยปี 54

สทนช. สั่งปรับแผนเร่งพร่องน้ำ 'เขื่อนสิริกิติ์' เพิ่มช่องว่างรับมือฝนหนักภาคเหนือ-อีสาน ช่วง 5-7 ต.ค. มั่นใจไม่เกิดอุทกภัยรุนแรงเท่าปี 2554

วันนี้ (2 ต.ค. 68) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนรับมือสถานการณ์น้ำที่คาดการณ์ว่าจะกลับมามีฝนเพิ่มขึ้น

ภายหลังการประชุม เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ปริมาณฝนในประเทศไทยจะลดลงเล็กน้อย จึงเป็นจังหวะสำคัญที่จะเร่ง พร่องน้ำออกจาก เขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งปริมาณน้ำมีแนวโน้มใกล้เต็มความจุ เพื่อรักษาความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนและป้องกันน้ำล้นที่จะกระทบพื้นที่ท้ายน้ำเพิ่มเติม
 

ปรับแผนระบายน้ำเขื่อนหลักรับมือฝน 5-7 ต.ค.

เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา และ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) คาดการณ์ว่า อิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำ จะทำให้ฝนกลับมาตกเพิ่มขึ้นในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้ แม้ปริมาณฝนจะอยู่ในระดับ 60-100 มิลลิเมตร ซึ่งน้อยกว่าระลอกก่อน แต่ต้องเตรียมความพร้อมช่องว่างในเขื่อนเพื่อรองรับน้ำให้เพียงพอ

ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์แบบขั้นบันได จาก 15 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน จนถึง 25 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ในทางกลับกัน

สำหรับ เขื่อนภูมิพล ที่ยังมีช่องว่างรองรับน้ำได้ประมาณ 2,000 ล้าน ลบ.ม. จะ ปรับลดการระบายน้ำจาก 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เหลือ 5 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน โดยควบคุมให้ปริมาณน้ำที่ระบายออกจากเขื่อนทั้งสองแห่ง รวมกันไม่เกิน 30 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ
 

การจัดการน้ำในพื้นที่สำคัญอื่น ๆ

  • เขื่อนเจ้าพระยา : วันนี้ได้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็น 2,400 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยจะบริหารจัดการเต็มศักยภาพเพื่อคงระดับน้ำหน้าเขื่อนให้ไม่เกิน +17.00 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
  • ลำน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น : เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น กรมชลประทานและ กฟผ. จะเร่งหารือแนวทางการบริหารจัดการ เขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนโดยเร็ว

เตรียมพร้อมเต็มกำลังและยืนยันสถานการณ์ไม่ซ้ำรอยปี 2554

สทนช. ได้ประสานงานร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือช่วงที่ฝนจะกลับมาตกเพิ่มขึ้นอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะ พื้นที่ภาคเหนือที่มีความเสี่ยงสูง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที

เลขาธิการ สทนช. คาดการณ์ว่าฝนจะเริ่มลดลงตามลำดับในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ และแม้ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังอยู่ในระดับเฝ้าระวัง แต่จากการใช้ แผนบูรณาการเต็มรูปแบบและมีการพร่องน้ำล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง จึงขอยืนยันว่า สถานการณ์น้ำจะไม่รุนแรงเท่าอุทกภัยปี 2554 อย่างแน่นอน