'คนละครึ่ง' รอบใหม่! สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ชงใช้สิทธิ์ซื้อหนังสือได้

'คนละครึ่ง' รอบใหม่! สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ชงใช้สิทธิ์ซื้อหนังสือได้

สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ เสนอรัฐบาล ฟื้น "คนละครึ่ง" ขยาย Easy E-Receipt ให้ใช้จ่าย ซื้อหนังสือ อุปกรณ์การเรียนได้ หวัง กระตุ้นเศรษฐกิจ SMEs หลังพบเด็กไทยอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น

นายณัฐกร วุฒิชัยพรกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า สมาคมมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของรัฐบาลชุดใหม่ในการกำหนดแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศชาติเดินหน้าอย่างมั่นคง โดยชี้ว่ามาตรการที่มีประสิทธิภาพควรครอบคลุม ตรงเป้า และเห็นผลชัดเจน เพื่อช่วยทั้งผู้บริโภคและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงธุรกิจทุกระดับ ในการสร้างงาน สร้างรายได้ เพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินในระบบ

สมาคมจึงได้เสนอ 3 แนวคิดหลัก เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้

ข้อเสนอ 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสังคม

1. ส่งเสริมให้เกิดโครงการ “คนละครึ่ง”

สมาคมเห็นว่ามาตรการ “คนละครึ่ง” เป็น “ยาแรง” ที่จะช่วยอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง และเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเสนอให้รัฐบาลกำหนดเงื่อนไขให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการสามารถใช้จ่ายเพื่อ ซื้อหนังสือ สื่อการเรียนการสอน ตลอดจนอุปกรณ์การเรียน ได้ เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านการอ่านและสนับสนุนการเรียนรู้ควบคู่กันไป
 

2. โครงการ Easy E-Receipt เฟส 2

เสนอให้จัดทำโครงการ “Easy E-Receipt” ช็อปลดหย่อนภาษี เฟส 2 เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายช่วงไฮซีซั่น (ตุลาคม-ธันวาคม) โดยปรับเงื่อนไขให้เข้าร่วมสะดวกขึ้นและครอบคลุมสินค้าทั่วไป สินค้า OTOP หนังสือและอุปกรณ์การเรียนการสอน รวมถึงสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 100,000 ล้านบาท เพิ่มรายได้ให้ร้านค้า และส่งเสริมให้ร้านค้าเข้าสู่ระบบภาษีและระบบดิจิทัล ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม

3. โครงการส่งเสริมการจัดซื้อหนังสือสำหรับห้องสมุด

เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการอ่านของเด็ก เยาวชน และประชาชน สมาคมเสนอให้รัฐบาลและสถานศึกษา จัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อหนังสือ เพื่อให้บริการในห้องสมุดของสถานศึกษา สถานที่ราชการ หรือจุดอ่านหนังสือของชุมชน ให้เป็นแหล่งค้นหาความรู้ เพราะหนังสือคือรากฐานของภูมิปัญญา
 

ผลวิจัยชี้ “เด็กรุ่นใหม่” สนใจซื้อและอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น

นายณัฐกร เปิดเผยผลสำรวจความพึงพอใจของนักอ่านจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 ในปี 2568 พบว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ช่วงอายุ 15-18 ปี นิยมอ่านหนังสือแบบเล่มแบบเสียค่าใช้จ่ายสูงถึง 86% นอกจากนี้ยังพบว่า การอ่านหนังสือแบบรายตอนผ่านแอปพลิเคชัน/เว็บไซต์ เริ่มมีกลุ่มเด็กและเยาวชน (12-28 ปี) ให้ความสนใจมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บ่งชี้ว่าเด็กและเยาวชนเลือกซื้อและอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นจริง

ขณะที่ภาพรวมการอ่านของคนไทยในปี 2567 พบว่า คนไทยมีการอ่านหนังสือเฉลี่ย 50.77 นาที/วัน โดยอ่านในรูปแบบกระดาษ 51.37 นาที/วัน และอ่านทุกอย่างบนแพลตฟอร์มออนไลน์ 152.10 นาที/วัน รูปแบบที่นิยมที่สุดคืออิเล็กทรอนิกส์ 56.13%

อุตสาหกรรมหนังสือไทยมูลค่า 20,000 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมหนังสือไทยในปี 2568 มีมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 3.5% ต่อปี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ที่กำหนดให้หนังสือเป็นหนึ่งใน 11 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ เชื่อมั่นว่า การส่งเสริมการอ่านของคนไทย จะส่งผลดีต่อการดำเนินชีวิต การสร้างงานเป็นอาชีพ รวมถึงผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยโดยรวม และพร้อมที่จะสนับสนุนและผลักดันมาตรการเหล่านี้ให้เข้าถึงผู้เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน