'มนุษย์ป้า' มีเพื่อนแล้ว | อาหารสมอง

“ป้าครับ ถอยรถหน่อยมันขวางประตูบ้านผม” “ฉันไม่ถอย ฉันจอดของฉันตรงนี้มานานแล้วก่อนคุณมาอยู่และคุณก็ไม่อยู่บ้านด้วย” “ก็ผมออกไม่ได้” “เรื่องจอดเป็นเรื่องของฉัน เรื่องออกจากบ้านเป็นเรื่องของคุณ
ก็อยู่บ้านให้บ่อยๆ สิ” นี่คือตัวอย่างคลาสสิกของ “มนุษย์ป้า” ซึ่งบัดนี้ก็ไม่เหงาแล้วเพราะมีคนลักษณะคล้ายกันในสหรัฐอเมริกาดังที่เรียกกันในชื่อ “Karen” มาดูกันสิว่าจะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และมีแง่มุมใดที่น่าสนใจบ้าง
“มนุษย์ป้า” โด่งดังในโซเชียลเพราะตรงใจเนื่องจากพบเห็นกันอยู่เนืองๆ ในโลกจริง เพียงแต่มีดีกรีที่แตกต่างกันออกไป มันเป็นคำสแลงที่ใช้เรียกพฤติกรรมของบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงวัยกลางคนขึ้นไป โดยมีลักษณะดังนี้
(1) รู้สึกว่าตนเองอยู่เหนือคนอื่นและสมควรได้รับการสนองตอบจากทุกคนเป็นพิเศษ (2) ชอบตั้งตนเองเป็นผู้มีอำนาจโดยชอบบงการชีวิตของผู้อื่นโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่หรือคนแปลกหน้า เช่น ตำหนิ หรือชี้แนะคนบนรถเมล์ ร้านอาหาร ฯลฯ
(3) ยึดติดความคิดของตนเองเป็นใหญ่ มักชอบใช้เหตุผลโต้แย้ง “เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้” “ฉันเป็นผู้ใหญ่กว่าก็ต้องฟัง” (4) ชอบสอดรู้สอดเห็น สนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่น และมักนำไปพูดต่อ
(5) มักชอบใช้อารมณ์และแสดงอาการ “กร่าง” พูดจาเสียงดังเพื่อ “ข่ม” ผู้อื่น (6) มีพฤติกรรมในกรอบที่แตกต่างจากคนอื่นโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น เช่น วนเวียนรับของที่แจกฟรี แซงคิวรับบริการ ถามคำถามที่ทำให้คนอื่นลำบากใจ (“เมื่อไหร่จะแต่งงาน” “ทำไมยังไม่มีแฟน” “เลิกกับแฟนแล้วหรือ” “ขยันหางานอยู่หรือเปล่า ตกงานนาน ๆ มันไม่ดี”)
ถ้าต้องเผชิญหน้ากับ “มนุษย์ป้า” ดีที่สุดก็คือเงียบ อย่าไปทะเลาะด้วยเพราะมีตรรกะเเละมาตรฐานที่ต่างไปจากที่ผู้คนเขามีกัน และมีพฤติกรรมที่คาดคะเนได้ยาก (ผมไม่ได้พูดถึงเขมรนะ) หากไปยุ่งด้วยมีแต่จะปวดหัวและเปลืองตัวเปล่าๆ ควรดูอย่างขบขันเเละพยายามเข้าใจจะเหมาะกว่า
“มนุษย์ป้า” เกิดขึ้นในยุคโซเชียลมีเดีย โดยเกิดจากคลิปเกี่ยวกับพฤติกรรมแปลกของคนประเภทหนึ่งที่ต่อมาเรียกว่า “มนุษย์ป้า” เพราะเป็นกรณีของหญิงวัยกลางคนขึ้นไปที่สังคมไทยเรียกอย่างเคารพว่า “ป้า” มีการเริ่มใช้คำนี้กันประมาณปี 2558-2559 เหตุที่เติม “มนุษย์” เข้าไปด้วยก็เพื่อให้มีความหมายว่ามีพฤติกรรมเกินกว่าป้าธรรมดาและเป็นกลุ่ม “พันธุ์ใหม่”
ดังเช่นคำว่า “มนุษย์เงินเดือน” ต่อมา “มนุษย์ป้า” กินความหมายถึงใครก็ได้ที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ดังเช่น “ทำตัวเป็นมนุษย์ป้า” “ความคิดของ มนุษย์ป้า” จะว่าไปแล้วเป็นการบัญญัติคำที่โดนใจและเสียดสีได้อย่างเข้าท่า
คราวนี้ไปดูต่างประเทศบ้าง “Karen” เป็นชื่อเรียกคนที่มีพฤติกรรมคล้าย “มนุษย์ป้า” เป็นคำสแลงสมัยใหม่เริ่มใช้กันในสหรัฐอเมริกาอย่างกว้างขวางในเวลาใกล้เคียงกัน
โดยเกิดจากการโพสต์สิ่งที่เรียกว่า meme (อ่านว่า “มีม”) ซึ่งหมายถึงภาพ คลิปวิดีโอหรือข้อความที่ขบขัน หรือล้อเลียนเพื่อสื่อไอเดียเเละ ความเห็นโดยมีการส่งต่อกันอย่างรวดเร็วในโลกโซเชียล โดยบางครั้งก็มีการดัดแปลงต่อเติมด้วย
“Karen”เป็นหญิงวัยกลางคนฝรั่งผิวขาว ซึ่งมีลักษณะดังนี้ (1) มีความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนพิเศษอย่างสมควรได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากคนอื่น (2) คิดว่าตนเองอยู่เหนือกฎเกณฑ์ทั้งหลายที่ใช้กับคนอื่น ๆ (3) ชอบเรียกร้องอย่างเผชิญหน้าโดยออกไปทาง “ข่ม”ด้วยเสียงที่ดังและกิริยาอาการที่ก้าวร้าว หยาบคาย
(4) มีความเป็นคนเหยียดผิว และถือชนชั้น (5) ชอบใช้กฎเกณฑ์ สถานะทางสังคมและเศรษฐกิจที่ตนเองอยู่เป็นอาวุธเพื่อ “ข่ม” คนที่คิดว่าด้อยกว่าและบ่อยครั้งในเรื่องที่ไร้สาระ
ยกตัวอย่างพฤติกรรมของ “Karen” ที่ปรากฏใน meme (ก) ขู่ว่าจะโทรศัพท์เรียกตำรวจมาจัดการกับคนผิวสี หรือผู้อพยพใหม่ที่ดูด้อยกว่าซึ่งนำสุนัขเข้ามาในสวนสาธารณะโดยไม่มีสายจูง (ข) ข่มขู่อาสาสมัครที่กำลังตัดต้นไม้และดูเเลสนามหญ้าซึ่งถูกละเลยมาเป็นปี ๆ ให้ผู้สูงวัยเจ้าของบ้านที่นอนติดเตียงโดยไล่ให้ไปเเละจะโทรศัพท์เรียกตำรวจเพราะส่งเสียงดังรบกวนบ้านเธอที่อยู่ตรงข้าม
(ค) โกรธเคียดแค้นคนผิวสีที่ร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานบนชายหาด ขู่จะเรียกตำรวจมาจัดการเพราะรบกวนเธอ (ง) ตรงเข้าไปจะทุบรถคันที่เธออ้างว่าได้ขับปาดเธอจนเกือบตกถนนตาย และจะเรียกตำรวจมาจัดการ (จ) เรียกร้องให้ได้รับบริการก่อนโดยลัดคิว เมื่อเจ้าหน้าที่อธิบายก็จะเรียกร้อง “ขอพบผู้จัดการ” (มุกนี้ “Karen ” ชอบเป็น พิเศษ) ฯลฯ
ดูไปแล้วเกิดความสงสัยว่า “มนุษย์ป้า” และ “Karen” เหมือนหรือต่างกันอย่างไร และอะไรจูงใจให้มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ทั้งสองเป็นผู้มีปัญหาทางจิตวิทยาเดียวกัน คือมีบุคลิกภาพบกพร่องชนิด “หลงตัวเอง” และเชื่อว่าเป็นผู้มีความเหนือคนอื่น
“Karen” พยายามนำสถานะที่คิดว่าตนเองเคยเป็นและอำนาจที่ตนเองเคยมีกลับมา ความก้าวร้าวทั้งวาจาและการกระทำคือวิธีการเพื่อ “ข่ม” โดยใช้กฎหมายเป็นอาวุธประกอบ
ส่วน “มนุษย์ป้า” นั้นแตกต่างกันทางวัฒนธรรม อายุและสถานะทางสังคมถูกใช้เป็นอาวุธคล้ายกับ “Karen” ในการพยายามได้อำนาจที่ตนเองคิดว่ากำลังหายไปคืนมา ทั้งสองต้องการสิ่งเดียวกันคือ ความพอใจจากการรู้สึกว่ามีอำนาจในการควบคุมเพิ่มขึ้น
“Karen” ใช้ “ความเหนือกว่า” ทางเชื้อชาติและสถานะทางสังคมเป็นเครื่องมือ ส่วน “มนุษย์ป้า” ใช้ความอาวุโสและวัฒนธรรมไทยของการเคารพผู้ใหญ่ “Karen” ออกไปทางโกรธเคียดเเค้น รุนแรงและก้าวร้าวกว่า ตลอดจนเรียกร้องสิทธิต่างๆ
ส่วน “มนุษย์ป้า” ออกไปทางจุกจิกกว่าแบบไทยๆ เช่น การนินทา การดื้อรั้น การออกนอกกรอบจากที่คนปกติเขาคิดและทำกัน การไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นโดยอาศัยความอาวุโสและสถานะทางสังคมเป็นเครื่องมือ
สิ่งสำคัญหนึ่งที่ทั้งสองมีร่วมกันคือ การขาด empathy ขาดการมีความรู้สึกร่วมกับผู้อื่น โดยไม่สามารถเข้าใจและรู้สึกถึงอารมณ์และประสบการณ์ของผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคม การขาด empathy เช่นนี้เป็นประเด็นที่น่าหวาดหวั่นหากเลียนแบบกันอย่างกว้างขวางในสังคม
เราควรสงสารและเห็นใจ “มนุษย์ป้า” และ “Karen” กัน ที่ประสบการณ์เเละสิ่งเเวดล้อมทำให้เขาเป็นเช่นนี้ หากเขาสามารถเห็นตนเองได้ดังเช่นที่พวกเราเห็นกัน เขาคงรู้สึกสังเวชใจ และไม่อยากมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้เป็นแน่







