เขื่อนทั่วไทย ตอนนี้รับน้ำ 62,500 ล้าน ลบ.ม. 82%ความจุ เร่งระบายน้ำ

ตรวจสอบ เขื่อนทั่วประเทศไทย ตอนนี้รับน้ำ 62,500 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 82% ความจุ กรมชลประทานเร่งระบายน้ำ
กรุงเทพธุรกิจ ตรวจสอบ เขื่อน ทั่วประเทศไทย ตอนนี้รับน้ำ 62,500 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 82% ความจุ กรมชลประทาน เร่ง ระบายน้ำ
วันนี้ (29 กันยายน 2568) ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานว่า อิทธิพลของ “พายุบัวลอย” (BUALOI) ร่วมกับร่องมรสุมกำลังแรงที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น
ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และฝนตกหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (บริเวณใกล้เส้นทางพายุ) ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จึงขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำและติดตามข่าวสารจากทางหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมพื้นที่ว่างไว้รองรับน้ำหลากที่อาจเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลพายุ ดังกล่าว กรมชลประทานร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนต่างๆ ที่ได้ปรับลดลงก่อนหน้านี้ โดยจะทยอยเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันได ดังนี้
- เขื่อนสิริกิติ์ เพิ่มการระบายน้ำจากเดิม 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เป็น 15 ล้าน ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วัน
- เขื่อนภูมิพล เพิ่มการระบายน้ำจากเดิม 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เป็น 15 ล้าน ลบ.ม./วัน
- เขื่อนอุบลรัตน์ ทยอยเพิ่มการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ 30 ล้าน ลบ.ม./วัน
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ คงอัตราการระบายน้ำที่ประมาณ 51 ล้าน ลบ.ม./วัน
ด้านสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ
- ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 62,500 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 82 ของความจุอ่างฯ
- รวมทั้งหมดกันทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 13,900 ล้าน ลบ.ม.
- เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 21,624 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 87 ของความจุอ่างฯ
- ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 3,200 ล้าน ลบ.ม.
กรมชลประทาน บูรณาการการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำ จนกว่าระดับน้ำจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมถึงติดตาม เฝ้าระวังสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
พร้อมปรับแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องจักรกล พร้อมกับกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด







