ชลประทานเชียงใหม่ เร่งระบายน้ำปิงเต็มที่ เตรียมรับ 'พายุบัวลอย'

ชลประทานเชียงใหม่ เร่งระบายน้ำปิงเต็มที่ เตรียมรับ 'พายุบัวลอย'

ชลประทานเชียงใหม่ ระดมยกบานระบายน้ำปิงทุกจุด ตั้งแต่ท่าวังตาลถึงแม่สอย เพื่อเปิดช่องรับมือมวลน้ำก้อนใหม่จาก 'พายุบัวลอย' ที่จ่อเข้าเชียงใหม่ 29 ก.ย. นี้

วันนี้ (28 ก.ย. 68) นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำ ใน แม่น้ำปิง หลังได้รับผลกระทบจาก "พายุรากาซา" ซึ่งทำให้ระดับน้ำที่สะพานนวรัฐ (P 1) ขึ้นสูงสุดที่ 3.93 เมตร ด้วยอัตราการไหล 441 ลบ.ม./วินาที เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

โครงการชลประทานเชียงใหม่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการระบายน้ำในแม่น้ำปิงอย่างต่อเนื่อง โดยที่ ประตูระบายน้ำท่าวังตาล ได้มีการยกบานระบายทั้ง 6 บาน จนพ้นน้ำ ทำให้มีอัตราการไหลลงท้ายน้ำในช่วงเช้าวันนี้ที่ 394 ลบ.ม.ต่อวินาที

นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการซ่อมแซม คันดินเล็กฝั่งซ้าย บริเวณด้านท้ายของประตูระบายน้ำท่าวังตาล เพื่อป้องกันมวลน้ำทะลักเข้าสู่พื้นที่สำคัญ เช่น ต.ท่าวังตาล, ต.ป่าแดด, ถนนวงแหวนรอบ 2 และ 3, รวมถึง อ.สารภี ซึ่งผลการตรวจสอบ ยืนยันว่าคันดินยังคงมีสภาพ มั่นคงแข็งแรง สามารถรองรับมวลน้ำในกรณีที่น้ำล้นตลิ่งบริเวณท้ายประตูฯ ได้
 

เร่งระบายน้ำตอนล่าง ดึงมวลน้ำลงทะเลสาบดอยเต่า

สำหรับการระบายน้ำในพื้นที่ตอนล่างของเมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ได้มีการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ โดยที่ ฝายดอยน้อย อ.ดอยหล่อ ได้มีการยกบานระบายทั้ง 6 บาน เพื่อเร่งการระบายน้ำให้เร็วขึ้น ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงท้ายน้ำรวม 743.44 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยระดับน้ำหน้าฝายขณะนี้อยู่ต่ำกว่าระดับเก็บกักปกติ 0.7 เมตร

ส่วนที่ ประตูระบายน้ำแม่สอย อ.จอมทอง ซึ่งเป็นประตูระบายน้ำตัวสุดท้ายของลำน้ำปิงก่อนจะไหลลงสู่ทะเลสาบดอยเต่า ก็ได้มีการยกบานระบายทั้ง 10 ช่องบาน ด้วยความสูง 2.0 เมตร ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงท้ายน้ำสูงถึง 915.29 ลบ.ม.ต่อวินาที
 

นายเกื้อกูล กล่าวสรุปว่า การเร่งยกบานระบายน้ำตั้งแต่เขตเมืองเชียงใหม่จนถึงประตูระบายน้ำแม่สอย มีจุดประสงค์สำคัญคือ เพื่อเร่งดึงมวลน้ำหลาก ที่ไหลมาจากทางตอนเหนือและพื้นที่เขตเศรษฐกิจตัวเมืองเชียงใหม่ ให้ลงสู่ ทะเลสาบดอยเต่า

การดำเนินการทั้งหมดนี้ เป็นการ เพิ่มช่องว่างในลำน้ำปิง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับ "พายุบัวลอย" ตามที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือได้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีผลกระทบต่อ จ.เชียงใหม่ ในช่วงระหว่างวันที่ 29-30 กันยายน และ 1 ตุลาคม 2568 โดยมีการเตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องมือ และกำลังเจ้าหน้าที่ไว้พร้อมให้การสนับสนุนสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นแล้ว