ชี้ชัด! ปิดด่านชายแดน 3 เดือนสถิติจับพุ่งสูง ลอบเข้าเมือง

อัปเดตล่าสุดปิดด่านชายแดนสถานการณ์ไทย-กัมพูชา สถิติการจับกุมพุ่งสูง ฉก.อรัญประเทศ เผยตัวเลข 3 เดือน จับผู้ลอบเข้าเมือง
กรุงเทพธุรกิจ อัปเดตล่าสุดปิดด่านชายแดนสถานการณ์ไทย-กัมพูชา สถิติการจับกุมพุ่งสูง ฉก.อรัญประเทศ เผยตัวเลข 3 เดือน จับผู้ลอบเข้าเมือง
จากสถานการณ์ความไม่สงบและการปิดด่านชายแดนเพื่อกดดันทางเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้สถิติการลักลอบเข้า-ออกเมืองพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา ที่มีการรายงานตัวเลขการจับกุมอย่างต่อเนื่อง
กกล.บูรพา ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ตั้งแต่ช่วงวันที่ 17 มิถุนายน จนถึงวันที่ 25 กันยายน 2568 หรือเพียงระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ
- การจับกุมผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้น 140 ครั้ง
- มีผู้ต้องหาจำนวนมากถึง 870 คน ซึ่งมาจากหลายเชื้อชาติ
- ชาวไทย 354 คน,
- ชาวกัมพูชา 472 คน,
- ชาวจีน 6 คน,
- ชาวไนจีเรีย 6 คน,
- ชาวเมียนมา 24 คน,
- ชาวเซียร์ราลีโอน 1 คน,
- ชาวบังคลาเทศ 7 คน
- ชาวปากีสถาน 2 คน
ข้อมูลการจับกุม แบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก
ขาเข้า มีการจับกุม 107 ครั้ง โดยมีผู้ต้องหา 626 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา (370 คน) และชาวไทย (215 คน) นอกจากนี้ยังพบชาวต่างชาติอื่นๆ อาทิ ชาวจีน, ชาวไนจีเรีย, ชาวเมียนมา, ชาวบังกลาเทศ และชาวปากีสถาน รวมถึงผู้ต้องหาที่มีหมายจับและผู้ที่มีประวัติอาชญากรรม (Case ID) อีกจำนวนหนึ่ง
ขาออก มีการจับกุม 33 ครั้ง ผู้ต้องหา 246 คน โดยเป็นชาวไทยมากที่สุด (139 คน) และชาวกัมพูชา (102 คน) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลักลอบข้ามแดนไม่ได้มีแต่การเข้ามายังประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการลักลอบออกนอกประเทศด้วย
นอกจากผู้ลักลอบเข้า-ออกเมืองแล้ว เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมการลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายได้อีกด้วย เช่น ซิมโทรศัพท์, รถจักรยานยนต์ และเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ช่องทางดังกล่าวในการกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ
จากข้อมูลการจับกุมที่ระบุว่ามีชาวกัมพูชาจำนวนมากถึง 472 คนในบรรดาผู้ต้องหาทั้งหมด ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของแรงงานกลุ่มนี้ที่ต้องยอมเสี่ยงชีวิตและทรัพย์สินเพื่อลักลอบเข้าสู่ประเทศไทย แม้สถานการณ์ชายแดนจะตึงเครียดขึ้นก็ตาม
แหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า การที่แรงงานชาวกัมพูชายังคงพยายามเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยนั้น มีสาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศกัมพูชาที่ซบเซาอย่างหนัก
ประกอบกับการขาดแคลนงานและรายได้ ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องประสบกับความยากจนและความเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน ขณะที่ผู้นำประเทศกลับให้ความสำคัญกับการเผชิญหน้าทางทหาร ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนแต่อย่างใด
การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวของ ฉก.อรัญประเทศ เป็นการเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายบริเวณชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์การลักลอบเข้า-ออกเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการปิดด่าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจในพื้นที่โดยรวม
อ้างอิง - กองกำลังบูรพา







