คืบหน้าอาการ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่า พลัดหลง เริ่มดีขึ้น ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด

คืบหน้าอาการ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่า พลัดหลง เริ่มดีขึ้น ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด

คืบหน้าอาการ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่า พลัดหลง อาการดีขึ้นต่อเนื่อง เริ่มมีแรงมากขึ้น ทีมสัตวแพทย์ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ดูแลใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

วันนี้ (24 กันยายน 2568) ทีมสัตวแพทย์ ได้รายงานความคืบหน้าอาการของ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่า พลัดหลง เพศเมีย อายุประมาณ 3 วัน ซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่และทีมสัตวแพทย์ ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก

 

สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 เวลา 23.00 น. สพ.ญ.ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ, สพ.ญ. กานต์พิชชา หาญอาษา นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้เข้าตรวจสอบอาการของลูกช้าง "ข้าวต้ม" และพบว่ามีอาการอ่อนแรง ไม่ยอมกินอาหาร (นมผงผสมน้ำข้าว) และกลืนลำบาก จากการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดพบว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ ทีมสัตวแพทย์จึงได้ดำเนินการรักษาเบื้องต้นด้วยการให้สารน้ำเข้าทางหลอดเลือดดำ และป้อนน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและพยุงอาการ

คืบหน้าอาการ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่า พลัดหลง เริ่มดีขึ้น ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด

 

ล่าสุดในวันที่ 24 กันยายน 2568 เวลา 01.00 - 03.00 น. ลูกช้าง "ข้าวต้ม" มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เริ่มมีแรงมากขึ้น และสามารถพยายามจะลุกขึ้นยืนได้เอง นอกจากนี้ เมื่อทำการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้ง พบว่ากลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทีมสัตวแพทย์ยังคงให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานฯ ได้ยืนยันว่าจะให้การดูแลรักษาลูกช้าง "ข้าวต้ม" อย่างเต็มที่และใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะ

คืบหน้าอาการ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่า พลัดหลง เริ่มดีขึ้น ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด

คืบหน้าอาการ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่า พลัดหลง เริ่มดีขึ้น ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด

คืบหน้าอาการ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่า พลัดหลง เริ่มดีขึ้น ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด