รับมือวิกฤต! องคมนตรี นำทีมถกแผนสู้ภัยน้ำท่วมใหญ่ลุ่มเจ้าพระยา

รับมือวิกฤต! องคมนตรี นำทีมถกแผนสู้ภัยน้ำท่วมใหญ่ลุ่มเจ้าพระยา

รับมือวิกฤต! องคมนตรี นำทีมถกแผนสู้ภัยน้ำท่วมลุ่มเจ้าพระยา พร้อมสั่งเร่งช่วยประชาชน กรมชลฯ ยันพร้อม 24 ชั่วโมง บรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย

วันนี้ (24 ก.ย. 68) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่กรมชลประทาน เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขและบรรเทาปัญหาอุทกภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานสำคัญเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

รับมือวิกฤต! องคมนตรี นำทีมถกแผนสู้ภัยน้ำท่วมใหญ่ลุ่มเจ้าพระยา

กรมชลฯ เร่งพร่องน้ำและเตรียมพร้อมรับมือ

นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากการคาดการณ์สถานการณ์สภาพอากาศและน้ำ มีแนวโน้มที่หลายพื้นที่จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

กรมชลประทาน จึงได้เร่งพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ เพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการใช้พื้นที่หน่วงน้ำเพื่อชะลอมวลน้ำจากตอนบนไม่ให้ไหลเข้าสู่พื้นที่ลุ่มต่ำด้านท้ายเขื่อน

ปัจจุบัน ได้มีการปรับลดการระบายน้ำ จาก 2 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และ เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อพื้นที่ตอนล่าง
 

สถานการณ์น้ำในพื้นที่สำคัญ

เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ยังคงระบายน้ำที่ 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้พื้นที่ริมน้ำและนอกคันกั้นน้ำในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะอำเภอบางบาลและเสนา มีระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งในหลายจุด กรมชลประทานได้เร่งกระจายน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่ง และประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า รวมถึงเตรียมพร้อมเครื่องจักรและแผนการเยียวยาเกษตรกรหลังน้ำลด

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำป่าสัก 550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อควบคุมและลดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน โดยการบริหารจัดการน้ำจะคำนึงถึงสภาวะน้ำทะเลหนุนสูงและสถานการณ์น้ำจากลุ่มน้ำสาขาอื่น ๆ ร่วมด้วย

รับมือวิกฤต! องคมนตรี นำทีมถกแผนสู้ภัยน้ำท่วมใหญ่ลุ่มเจ้าพระยา
 

พร้อมปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมงตามมาตรการรับมือฤดูฝน

กรมชลประทาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด มีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ พร้อมปฏิบัติการตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อย่างเคร่งครัด รวมถึงตรวจสอบอาคารชลประทานและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมเครื่องจักรและเครื่องมือบรรเทาภัยกว่า 6,700 หน่วย เช่น เครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อสนับสนุนการระบายน้ำในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยยืนยันความพร้อมในการปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

องคมนตรีกำชับให้เร่งช่วยเหลือประชาชน

ในตอนท้าย องคมนตรีได้กำชับให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมทั้งด้านเครื่องมือและบุคลากร เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีและบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด