11 พื้นที่ กทม.-สมุทรปราการ เสี่ยงโรคพิษสุนัขบ้า ย้ำ 5 ขั้นตอนป้องกัน

กรมควบคุมโรค เตือน 11 พื้นที่ กทม. และสมุทรปราการ เสี่ยงโรคพิษสุนัขบ้า! ย้ำหากถูกสัตว์กัด-ข่วน ต้องรีบ "ล้างแผล-หาหมอ-ฉีดวัคซีน"
วันนี้ (23 ก.ย. 2568) นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์"โรคพิษสุนัขบ้า"ที่น่าเป็นห่วงในปัจจุบัน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ
หลังมีรายงานการพบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์และมีผู้ถูกสุนัขกัดในเขตประเวศ ทำให้มีการเฝ้าระวังโรคใน 11 พื้นที่เสี่ยง ได้แก่
- เขตประเวศ : แขวงหนองบอน, แขวงดอกไม้, แขวงประเวศ
- เขตสวนหลวง : แขวงอ่อนนุช, แขวงพัฒนาการ
- เขตสะพานสูง : แขวงทับช้าง
- เขตลาดกระบัง : แขวงลาดกระบัง
- เขตบางนา : แขวงบางนาเหนือ
- เขตพระโขนง : แขวงบางจาก
- อำเภอบางพลี (สมุทรปราการ) : ตำบลบางแก้ว, ตำบลราชาเทวะ
อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ดังกล่าว โดยผู้ที่สัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังสัมผัสโรคแล้ว และต้องมาฉีดวัคซีนให้ครบตามนัดเพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างสมบูรณ์
ข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ ณ วันที่ 20 ก.ย. 2568 พบว่า ปีนี้ประเทศไทยมีสัตว์ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าแล้ว 204 ตัว โดยกระจายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนในคนพบว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 7 ราย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการ ไม่ไปพบแพทย์และไม่ได้รับวัคซีนหลังสัมผัสสัตว์ที่อาจมีเชื้อ
วิธีป้องกันตัวเองง่ายๆ หากถูกสัตว์กัด
กรมควบคุมโรค เน้นย้ำว่าหากถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น สุนัขหรือแมว กัด ข่วน หรือเลียแผล แม้จะเป็นแผลเล็กน้อย ให้ยึดหลัก "ล้างแผล ใส่ยา กักหมา หาหมอ ฉีดวัคซีนให้ครบ"
- รีบล้างแผล ด้วยน้ำและสบู่นาน 10-15 นาที
- ใส่ยาฆ่าเชื้อ
- กักสัตว์ ดูอาการอย่างน้อย 10 วัน
- รีบไปพบแพทย์ เพื่อพิจารณาการรับวัคซีนป้องกันโรค
- ฉีดวัคซีนให้ครบชุด ตามที่แพทย์นัดหมายเสมอ เพราะหากปล่อยไว้จนแสดงอาการแล้ว จะไม่สามารถรักษาให้หายและอาจเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนสังเกตอาการผิดปกติของสัตว์ เช่น ดุร้าย กัดสิ่งของ วิ่งเพ่นพ่าน เซื่องซึม ปากอ้า ลิ้นห้อย น้ำลายไหล หรือเดินโซเซ หากพบเห็นให้รีบกักสัตว์และแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที
สำหรับผู้ที่ไม่เคยรับวัคซีนมาก่อนจะต้องฉีดประมาณ 4-5 ครั้ง ส่วนผู้ที่เคยฉีดมาแล้วจะได้รับเพียง 1-2 ครั้ง และที่สำคัญที่สุด เจ้าของสุนัขและแมวควรนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการแพร่เชื้อสู่คน






